คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เตรียมส่งหลักฐานร้านค้างานแฟร์ย่านสวนลุมพินี ที่แปรรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรูปแบบไอศกรีมแท่ง เพื่อเรียกสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง เบื้องต้นพบความผิดชัดเจน เตรียมเอาผิดเจ้าของที่ที่เป็นผู้ขอใบอนุญาตกับกรมสรรพสามิตด้วย
นายแพทย์สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีการแปรรูปเครื่องดื่มแอลกฮอล์ขายในรูปแบบไอศกรีมแท่ง ภายในงานแฟร์ย่านสวนลุมพินี ระบุว่า ในขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ภาพถ่ายและคลิปวีดีโอ เพื่อแจ้งความที่ สน.ลุมพินี ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบ ในการเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าไปสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงของการกระทำความผิด
เบื้องต้นจากที่มีการพูดคุยกับเจ้าของร้านทั้ง 16 ร้าน ที่มีความผิด จากทั้งหมด 17 ร้าน พบว่าทุกร้านให้รายละเอียดว่าเจ้าของพื้นที่เป็นผู้ขออนุญาตกับกรมสรรพสามิต ซึ่งปกติผู้ที่ขายจะต้องเป็นผู้ขออนุญาตเอง และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ขอดูใบอนุญาตตัวจริงกับทั้ง 16 ร้าน ก็ไม่สามารถนำมาแสดงให้ดูได้ มีเพียงสำเนาเอกสารเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการพูดคุยกับกรมสรรพสามิตอีกครั้งเพื่อหาข้อเท็จจริง
เบื้องต้นจากหลักฐานพบว่าร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการกระทำผิดในการโฆษณา ลด แลก แจก แถม จำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฐานจำหน่ายด้วยวิธีการต้องห้าม มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการจำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงความผิดฐานโฆษณาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีโทษ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และปรับวันละ 5 หมื่นบาท จนกว่าจะยุติการกระทำ และโทษไม่แสดงใบอนุญาตจำหน่าย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบว่า ร้านค้าแอลกอฮอล์ทั้ง 16 ร้าน เคยขอใบอนุญาตจากกรมสรรพสามิตเพื่อขอจำหน่ายสุราแล้ว แต่กรมสรรพสามิตไม่ออกให้ ดังนั้นเจ้าของพื้นที่จึงขออนุญาตแทน และได้ใบอนุญาตมา จึงเอามาให้ร้านค้าเหล่านี้จำหน่ายแทน แต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อเดียว ซึ่งพบเจ้าของพื้นที่กับเบียร์ยี่ห้อดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างให้นิติกรผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายพิจารณาว่าจะสามารถเอาผิดเจ้าของพื้นที่ ฐานตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนได้หรือไม่ หากเป็นตัวการร่วมโทษจะเท่าคนขาย แต่ถ้าเป็นผู้สนับสนุนจะรับโทษ 2 ใน 3
+ อ่านเพิ่มเติม