วันนี้ (4 ก.ย. 58) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ยกฟ้อง นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กรณีลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา เมื่อปี 2551 สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และอาจจะส่งผลให้เป็นการยอมรับว่าพื้นที่ทับซ้อนโดยรอบปราสาทเขาพระวิหารนั้นเป็นของ ประเทศกัมพูชา
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เป็นการเร่งรีบ แต่ด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิด ประกอบกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมายซึ่งมีหน้าที่ให้คำแนะนำรัฐบาล ยืนยันว่าแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวไม่ถือเป็นสนธิสัญญา และเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2556 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกได้วินิจฉัยแล้วว่า การขึ้นทะเบียนมรดกโลก มีผลเฉพาะตัวปราสาท ไม่สามารถตีความถึงพื้นที่ทับซ้อนได้ จึงไม่ส่งผลกระทบให้ไทยเสียเขตแดน และไม่ขัดต่อคำสงวนสิทธิ์ทวงคืนตัวปราสาท สมัย พ.อ.(พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ เป็นรัฐมนตรี เมื่อปี 2505 และ ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า นายนพดล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ผลประโยชน์กับการดำเนินการครั้งนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นการละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มีมติ ยกฟ้อง
หลังฟังคำพิพากษา นายนพดล ได้ก้มคำนับต่อผู้พากษา พร้อมหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ และกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า เหมือนยกเขาพระวิหารออกจากอกและไม่คิดจะฟ้องกลับใครแม้จะถูกกล่าวหามาโดยตลอดว่าเป็นคนขายชาติ
อย่างไรก็ตาม การฟังคำพิพากษาครั้งนี้ มีอดีตรองนายกรัฐมนตรี ทั้ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง และ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล มาร่วมให้กำลังใจนายนพดลอีกด้วย