logo เงินทองของจริง

ชีวิตติดลบ ในเมืองหลวง: จัดการเงินอย่างไรให้อยู่รอดในกรุงเทพฯ | เงินทองของจริง

เงินทองของจริง : ในยุคที่ทุกอย่างขยับตัวสูงขึ้น แต่เงินในกระเป๋ากลับไม่เพิ่มตาม คำว่า "เงินเดือนไม่พอใช้" กลายเป็นประโยคคุ้นหูของคนทำงานในเมืองกร ch7hd news,tero digital,ch7hdnews,terodigital,เงินทองของจริง,moneycoach,money coach,โคชหนุ่ม จักรพงษ์,โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์,โค้ชหนุ่ม,กาย สวิตต์,เศรษฐกิจ,การเงิน,การลงทุน,การออม,ออมเงิน,เก็บเงิน,สอนลงทุน,สอนออมเงิน,สอนเก็บเงิน

11,241 ครั้ง
|
28 ส.ค. 2567
ในยุคที่ทุกอย่างขยับตัวสูงขึ้น แต่เงินในกระเป๋ากลับไม่เพิ่มตาม คำว่า "เงินเดือนไม่พอใช้" กลายเป็นประโยคคุ้นหูของคนทำงานในเมืองกรุง โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล แต่กลับทำให้ผู้คนต้องนอนไม่หลับเพราะกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย มาดูกันว่าทำไมค่าครองชีพในกรุงเทพฯ ถึงได้สูงลิบลิ่ว และเราจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร
 
สถานการณ์ค่าครองชีพในกรุงเทพฯ: เมื่อเมืองหลวงกลายเป็นเมืองแพง
 
กรุงเทพฯ ในเวทีโลก
 
จากการสำรวจในปี 2024 พบว่า กรุงเทพฯ ไต่อันดับขึ้นมาเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับที่ 235 ของโลก ซึ่งอาจฟังดูไม่ได้สูงมาก แต่เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของคนกรุงเทพฯ แล้ว นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ
 
ไทยในบริบทอาเซียน
 
ในภาพรวมของประเทศ ไทยครองอันดับที่ 94 จาก 146 ประเทศทั่วโลกในด้านค่าครองชีพ และเมื่อมองในกลุ่มประเทศอาเซียน ไทยอยู่ในอันดับ 5 โดยมีประเทศที่ค่าครองชีพสูงกว่าคือ สิงคโปร์ บรูไน เมียนมา และกัมพูชา ขณะที่ประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำกว่าไทยได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
 
ค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว
 
สำหรับครอบครัว 4 คนในไทยที่ไม่ต้องเช่าบ้าน มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูงถึง 72,000 บาท ในขณะที่คนโสดต้องมีค่าใช้จ่ายราว 20,000 บาทต่อเดือน โดยค่าใช้จ่ายหลักๆ ได้แก่:
 
1. ค่าอาหารและของใช้ในชีวิตประจำวัน
2. ค่าเช่าที่อยู่อาศัย
3. ค่าเดินทาง
 
น่าสนใจว่า กรุงเทพฯ มีค่าเช่าที่อยู่อาศัยสูงเป็นอันดับ 3 และค่าเดินทางสูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์เท่านั้น
 
เปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียน: เมื่อรายจ่ายไล่ตามรายรับไม่ทัน
 
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น มาดูการเปรียบเทียบระหว่างเงินเดือนเฉลี่ยและค่าครองชีพในประเทศอาเซียนกัน:
 
1. สิงคโปร์ : 
   - เงินเดือนเฉลี่ย: 118,075 บาท 
   - ค่าครองชีพ: 76,770 บาท
   - สรุป: รายรับสูงกว่ารายจ่าย แสดงถึงคุณภาพชีวิตที่ดี
 
2. มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์) :
   - เงินเดือนเฉลี่ย: 34,209 บาท
   - ค่าครองชีพ: 24,566 บาท
   - สรุป: รายรับยังคงสูงกว่ารายจ่าย แต่ช่องว่างแคบลง
 
3. ฟิลิปปินส์ (มะนิลา) :
   - เงินเดือนเฉลี่ย: 12,277 บาท
   - ค่าครองชีพ: 32,570 บาท
   - สรุป: รายจ่ายสูงกว่ารายรับอย่างมีนัยสำคัญ
 
4. อินโดนีเซีย (จาการ์ตา) :
   - เงินเดือนเฉลี่ย: 14,922 บาท
   - ค่าครองชีพ: 26,305 บาท
   - สรุป: รายจ่ายสูงกว่ารายรับ แต่ช่องว่างแคบกว่าฟิลิปปินส์
 
5. เวียดนาม (โฮจิมินห์) :
   - เงินเดือนเฉลี่ย: 15,071 บาท
   - ค่าครองชีพ: 25,396 บาท
   - สรุป: รายจ่ายสูงกว่ารายรับ ใกล้เคียงกับอินโดนีเซีย
 
6. ไทย (กรุงเทพฯ) :
   - เงินเดือนเฉลี่ย: 26,502 บาท
   - ค่าครองชีพ: 33,032 บาท
   - สรุป: รายจ่ายสูงกว่ารายรับ แต่ช่องว่างแคบกว่าฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย
 
จากข้อมูลนี้ เราเห็นได้ว่าแม้กรุงเทพฯ จะมีเงินเดือนเฉลี่ยสูงกว่าหลายประเทศในอาเซียน แต่ค่าครองชีพก็สูงตามไปด้วย ทำให้คนกรุงเทพฯ ต้องดิ้นรนมากขึ้นเพื่อให้รายรับพอกับรายจ่าย
 
วิธีรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น: กลยุทธ์การเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือน
 
แม้สถานการณ์จะดูไม่สู้ดีนัก แต่ยังมีวิธีรับมือที่สามารถช่วยให้เราจัดการกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ ดังนี้:
 
การแบ่งสรรเงินเดือนออกเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการการเงินส่วนบุคคล ลองใช้หลักการ 70-20-10 ดังนี้:
 
- 70 เปอร์เซ็นต์ สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น: 
  - ค่าเช่าบ้าน
  - ค่าอาหาร
  - ค่าเดินทาง
  - ค่าสาธารณูปโภค
  - หนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ
 
- 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเงินออม :
  - 10% สำหรับเงินออมระยะยาว (เช่น เงินเกษียณ กองทุนรวม)
  - 10% สำหรับเงินฉุกเฉิน (ควรมีอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน)
 
- 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับความบันเทิงและการพัฒนาตนเอง :
  - ท่องเที่ยว
  - สังสรรค์
  - ช้อปปิ้ง
  - การเรียนรู้เพิ่มเติม
 
ตัวอย่างการแบ่งสรรเงินสำหรับคนเงินเดือน 15,000 บาท:
- ค่าใช้จ่ายจำเป็น: 10,500 บาท
- เงินออม: 3,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง: 1,500 บาท
 
2. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย: รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
 
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายช่วยให้เราเห็นภาพรวมทางการเงินได้ชัดเจนขึ้น วิธีการทำมีดังนี้:
 
1. จดบันทึกค่าใช้จ่ายทุกวัน : ไม่ว่าจะเป็นค่ากาแฟ ค่าอาหาร หรือค่าเดินทาง บันทึกทุกบาททุกสตางค์
2. แยกหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย : เช่น อาหาร, เดินทาง, ที่อยู่อาศัย, สาธารณูปโภค, ความบันเทิง
3. วิเคราะห์รายจ่ายที่ไม่จำเป็น : มองหารายการที่สามารถตัดหรือลดลงได้
4. ตั้งเป้าหมายการใช้จ่ายในแต่ละหมวดหมู่ : กำหนดวงเงินสูงสุดที่จะใช้ในแต่ละเดือน
5. ทบทวนและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ : ทุกสิ้นเดือน ดูว่าเราทำได้ตามแผนหรือไม่ และปรับแผนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
 
3. ปรับไลฟ์สไตล์ให้เหมาะสมกับรายได้: ชีวิตที่พอเพียง
 
การใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไม่ได้หมายถึงการอดอยาก แต่เป็นการใช้จ่ายอย่างฉลาดและมีเหตุผล:
 
- ทำอาหารกินเอง : ประหยัดกว่าการทานอาหารนอกบ้านมาก
- ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ : แทนการขับรถส่วนตัว ช่วยประหยัดทั้งค่าน้ำมันและค่าจอดรถ
- หาความบันเทิงแบบประหยัด : เช่น ดูหนังที่บ้าน ออกกำลังกายในสวนสาธารณะ
 
การใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและการปรับตัว เราก็สามารถรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ เริ่มต้นวางแผนการเงินวันนี้ เพื่อชีวิตที่มั่นคงในวันหน้า !
 
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital
 
 
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่