logo เงินทองของจริง

เจาะลึกเทรนด์ AI 2568: โอกาสและความท้าทายสำหรับธุรกิจไทย | เงินทองของจริง

เงินทองของจริง : ทุกวันนี้ เราแทบจะใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ในการทำงานและชีวิตประจำวันกันอย่างแพร่หลาย AI ไม่ได้เป็นเพียง "อนาคต" อีกต่อไป แต่เป็น ch7hd news,tero digital,ch7hdnews,terodigital,เงินทองของจริง,moneycoach,money coach,โคชหนุ่ม จักรพงษ์,โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์,โค้ชหนุ่ม,กาย สวิตต์,เศรษฐกิจ,การเงิน,การลงทุน,การออม,ออมเงิน,เก็บเงิน,สอนลงทุน,สอนออมเงิน,สอนเก็บเงิน

836 ครั้ง
|
07 มี.ค. 2568
ทุกวันนี้ เราแทบจะใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ในการทำงานและชีวิตประจำวันกันอย่างแพร่หลาย AI ไม่ได้เป็นเพียง "อนาคต" อีกต่อไป แต่เป็น "ปัจจุบัน" ที่กำลังเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งรอบตัวเรา
 
เทรนด์ AI ที่น่าจับตามองในปี 2568
 
ปี 2567 เรียกได้ว่า AI ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น โดยหลายองค์กรได้นำ AI มาขับเคลื่อนธุรกิจและพัฒนาระบบ ในขณะที่ปี 2568 ถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ AI และ Generative AI หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งในด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม และวิทยาการให้ดีขึ้นกว่าเดิม
 
จากรายงานของสถาบันวิจัย Capgemini (แคป-เจ-ไม-นี) พบว่า เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญที่ขับเคลื่อนโลกในปี 2568 ล้วนมี AI เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก เรามาดูเทรนด์ AI ที่น่าสนใจกัน:
 
1. ระบบเอเจนต์ AI (AI Agents)
 
ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า "ระบบเอเจนต์ AI" หรือปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาให้สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ๆ ที่คล้ายกับที่มนุษย์สร้างขึ้น 
 
ในโลกการเงิน AI agents สามารถช่วยงานที่เป็นกิจวัตรได้หลากหลาย เช่น การอนุมัติสินเชื่อ การปรับคำร้องขอค่าสินไหมทดแทน หรือการจัดทำรายงานความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและให้พนักงานมีเวลามากขึ้นในการโฟกัสงานที่ซับซ้อนและต้องใช้กลยุทธ์ที่เป็นงานเฉพาะของมนุษย์
 
2. Multimodal AI
 
Multimodal AI คือการยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้รองรับทุกสื่อในสภาพการทำงานปัจจุบัน แหล่งข้อมูลที่เราใช้ในการทำงานหรือจัดเก็บไม่ได้มาจากเอกสารหรือข้อความเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีข้อมูลในรูปแบบอื่นๆ เช่น รูปภาพ เสียง 
 
ในอนาคต AI จะสามารถนำข้อมูลที่อยู่ในสื่อหลากหลายประเภทมาใช้งานให้เกิดประโยชน์และบูรณาการร่วมกันได้ สามารถประมวลผลข้อมูลออกมาได้ครบถ้วนและสอดคล้องในทุกบริบท
 
3. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
 
หนึ่งในเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจาก AI สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้ จึงมีความจำเป็นที่องค์กรจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการแบ่งปันข้อมูล 
 
หากมีการแชร์ข้อมูลอย่างเกินควรและไม่ได้รับการป้องกัน ข้อมูลที่ไม่ควรเปิดเผยก็อาจถูกมองเห็นได้ เช่น ข้อมูลของพนักงานและลูกค้า ซึ่งเป็นความลับขององค์กร
 
ศักยภาพของ Generative AI ในธุรกิจ
 
เมื่อเห็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ในทุกวันนี้ เป็นธรรมดาที่หลายคนจะเกิดความกังวล ทั้งในเรื่องของการจ้างงาน การพัฒนาธุรกิจให้เท่าทันคู่แข่งที่มีเงินทุนในการใช้ AI ที่มีราคาสูง ไปจนถึงการนำ AI เข้ามาปรับใช้ในแต่ละฝ่ายของธุรกิจ
 
Generative AI มีศักยภาพที่โดดเด่นหลายประการ:
 
- ตัดสินใจเองได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาแทรกแซง อีกทั้งยังสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ และดำเนินการโดยอิงจากข้อมูลที่ได้มาแบบเรียลไทม์
- สามารถใช้ตรรกะวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง สามารถใช้ตรรกะในการวิเคราะห์ข้อมูล ทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อน และสามารถเลือกแนวทางดำเนินการที่ดีที่สุดในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนได้อย่างเป็นลำดับขั้น
- เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ โดยเรียนรู้จากข้อเสนอแนะหรือการโต้ตอบ อีกทั้งยังปรับกลยุทธ์ของตัวเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
 
5 วิธีประยุกต์ใช้ Generative AI ในธุรกิจ
 
อ้างอิงจากรายงานของ Forbes มีวิธีการนำ Generative AI ไปใช้กับธุรกิจได้ ดังนี้
 
1. การสร้างคอนเทนต์การตลาด
 
ด้วยเครื่องมือ Generative AI ทำให้นักการตลาดสามารถสร้างคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น รวมถึงมีเวลาที่จะโฟกัสที่ความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น:
- Jasper AI และ Writer AI ที่สามารถสร้างข้อความทางการตลาด และรูปภาพได้
- Runway ML เครื่องมือในการทำวิดีโอ และคอนเทนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- Mutiny ที่ใช้ AI ในการสร้าง Conversion ให้กับเว็บไซต์ให้ได้มากที่สุด
 
2. การขายและการพัฒนาการขาย
 
เครื่องมือ Generative AI สามารถเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการขายได้ ทำให้สามารถสร้างงานที่มีทั้งคุณภาพและปริมาณได้ ตัวอย่างเช่น:
- Sellscale ใช้ AI ในการปรับแต่งการขายให้เหมาะกับกลุ่มคนที่ยังไม่เคยใช้สินค้าและบริการได้ในจำนวนมาก
- ตัวช่วยในการสะกดคำ ตรวจไวยากรณ์ด้วยเทคโนโลยี NLP ของ Gmail ที่จะช่วยให้พนักงานขายประหยัดเวลา และมีเวลาไปโฟกัสกับขั้นตอนการขายอื่นๆ ได้มากขึ้น
 
3. การสนับสนุนลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ
 
เครื่องมือ Generative AI สำหรับการให้บริการลูกค้าเป็นวิธีที่ทรงพลังที่จะนำมาใช้ในการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เช่น:
- ระบบ AI-Powered knowledge management จาก AIGEN ที่ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างระบบ Customer self-service
- ช่วยให้ลูกค้าค้นหาข้อมูลที่ต้องการ และสามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องติดต่อไปที่ศูนย์บริการลูกค้า
 
4. โค้ดเกี่ยวกับภาษาธรรมชาติและการพัฒนาแอปพลิเคชัน
 
Generative AI ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการพัฒนาแอปพลิเคชัน:
- แทนที่จะเขียนโค้ดในภาษาของคอมพิวเตอร์ นักพัฒนาแอปพลิเคชันสามารถใช้ภาษาธรรมชาติหรือ natural language ในการสื่อสาร
- Generative AI จะช่วยสร้างโค้ดออกมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยให้ขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชันทำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
- เป็นเรื่องง่ายสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์มือใหม่ที่ต้องการเริ่มสร้างแอปพลิเคชัน
 
5. ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและข้อมูลสังเคราะห์
 
ธุรกิจต่าง ๆ ใช้ข้อมูลตัวแทนเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และให้บริการ แต่การเข้าถึงนี้อาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า:
- เครื่องมือ Generative AI สามารถแก้ไขปัญหาการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตได้
- ใช้ Generative AI ในการสร้างข้อมูลสังเคราะห์ (synthetic data) จากข้อมูลจริง
- รักษาความเป็นส่วนตัวในขณะที่สามารถรักษาให้ข้อมูลตรงกับความเป็นจริงให้ได้มากที่สุด
 
AI ถือเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนระบบและทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลและการปรับตัวของบุคลากรในองค์กรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
 
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-8.45 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital
 
 
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่