logo เช้านี้ที่หมอชิต

“ยุทธพร” เชื่อ มวลชนลงถนนแน่ หากนายกฯ ไม่ใช่ “พิธา” | ขยายข่าว กับ กาย สวิตต์

เช้านี้ที่หมอชิต : เช้านี้ที่หมอชิต - เลือกตั้งผ่านมาแล้วเป็นเดือน เสียงของประชาชนก็ชัดแล้วว่าต้องการให้ประเทศเดินไปในทิศทางไหน แต่สถานการณ์ยังคง ข่าว,ช่อง7สี,ช่อง7HD,กด35,ข่าวช่อง7,CH7HD,รายการ,ดูย้อนหลัง,คลิปย้อนหลัง,CH7HDNEWS,ข่าวการเมือง,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวบันเทิง,ข่าวโซเชียล,ข่าวออนไลน์,ข่าวสังคม,ข่าวอาชญากรรม,ข่าวกีฬา,ข่าวภูมิภาค,ข่าวด่วน,ข่าวเด็ด,ข่าวร้อน,ข่าวสด,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ch7 news,เช้านี้ที่หมอชิต,ข่าวเช้า,ข่าวเช้าช่อง 7,เช้านี้ที่หมอชิตวันนี้,เช้านี้ที่หมอชิต ล่าสุด,เช้านี้ที่หมอชิต ช่อง7,TERO Digital

271 ครั้ง
|
28 มิ.ย. 2566
เช้านี้ที่หมอชิต - เลือกตั้งผ่านมาแล้วเป็นเดือน เสียงของประชาชนก็ชัดแล้วว่าต้องการให้ประเทศเดินไปในทิศทางไหน แต่สถานการณ์ยังคงพลิกผันไปมาแบบกระพริบตาไม่ได้ เมื่อเป็นอย่างนี้ คำถามหนึ่งที่เชื่อว่ากำลังดังก้องในใจใครหลาย ๆ คนก็คือ พิธาจะได้เป็นนายกไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ เพื่อไทย มีท่าทีเช่นนี้ฉากทัศน์ทางการเมืองหน้าต่อ
 
เรานำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ช่วยวิเคราะห์หน่อย พิธา จะได้เป็นนายกไหม อาจารย์ยุทธพร มองว่า โอกาสของคุณพิธาอยู่ที่ 50: 50 มาตั้งแต่แรกเพราะมี 3 ด่านใหญ่ที่ต้องฝ่า คือ กกต. สว. และศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นต่อให้ได้ตำแหน่งประธานสภาก็ไม่ได้เป็นโจทย์ง่ายที่คุณพิธาจะเป็นนายกฯ แต่เนื่องจากตำแหน่งประธานสภาเป็นหมุดหมายแรกที่จะนำไปสู่การเลือกนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งนี้จึงเป็นที่จับตา
 
นอกจากนี้ อาจารย์ยังมองว่า ต่อให้ผ่านด่านประธานสภาไปได้ การรวมเสียง สว. ของพรรคก้าวไกลให้เกิน 376 เสียงก็เป็นเรื่องยากและอาจได้เสียงสนับสนุนเพียง 19-20 เสียงเท่านั้น และอีกสิ่งที่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยก็คือ การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ขณะนี้หลายคนมองผ่าน เพราะถ้าเกิดขึ้นอาจจะเป็นการโหวตแบบหนังม้วนเดียวจบ ที่บอกว่าโหวตพิธาไม่ได้ก็โหวตไปเรื่อย ๆ เป็นการประเมินแบบไม่ได้มองอีกขั้วการเมืองหนึ่งที่ใช้เสียง 250 สว. บวกเสียงขั้วเดิมจะกลายเป็นกว่า 430 เสียงซึ่งหมายความว่าเป็นนายกฯ ได้ทันที เพราะเขาอาจจะไม่ได้ต้องการเดินไปไกลมากก็ได้ ขออยู่ไประยะหนึ่งแล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามหากถึงที่สุดแล้วคุณพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีอีกโจทย์รออยู่คือเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการเมืองนอกสภา
 
อาจารย์ยุทธพรบอกว่า ถ้าสุดท้ายเสียงที่ประชาชนเลือกไม่ได้รับการตอบสนองหรือเป็นไปตามเจตจำนงค์ก็จะเป็นโจทย์ใหญ่
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการลงถนนเดิมเราอาจคิดว่าจะจบด้วยการมีรถถังออกมารัฐประหารเหมือนทุกครั้ง แต่ความจริงการรัฐประหารก็มีพัฒนาการให้แยบยลมากขึ้น เพราะฐานในการชุมนุมเดิมไม่ว่าพันธมิตร หรือ กปปส. ที่จบลงด้วยการรัฐประหาร ส่วนใหญ่เป็นคนในเมืองโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ แต่อย่าลืมว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคก้าวไกลชนะในกรุงเทพไปถึง 32 จาก 33 เขต ดังนั้น ฐานสนับในการรัฐประหารเชิงกายภาพจึงอาจมีน้ำหนักไม่มากพอ ครั้งนี้อาจมาในรูปของนิติสงครามหรือเกมการเมือง เช่น การตามสอยของ กกต. ในภายหลัง แม้จะรับรอง สส.ไปก่อนแล้วยังมีเวลาอีก 1 ปี การยื่นเรื่องคุณสมบัติการเป็น สส. ของคุณพิธาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การตัดสิทธิการเป็น สส. หรืออาจไปถึงยุบพรรคเนื่องจากมีผู้ไปร้องกรณีล้มล้างการปกครองเป็นต้น ที่น่าสนใจก็คือในบรรยากาศที่ก้าวไกลต้องรับมือเรื่องเหล่านี้ เราจะเห็นการขยับก้าวของเพื่อไทยด้วย
 
การสลับขึ้นมาของพรรคเพื่อไทยมีความเป็นได้ในสถานการณ์เช่นนี้ โดยเฉพาะการที่พรรคก้าวไกลมีแคนดิเดตคนเดียว และถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปหรือในลักษณะของการข้ามขั้วโดยจับกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมรวมถึง พรรคพลังประชารัฐภายใต้เงื่อนไขว่าต้องไม่มีชื่อ พลเอก ประวิตร พลเอก ประยุทธ์ อยู่ในนั้นเพราะจะทำให้หมดความชอบธรรมไป
 

พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35 


รับชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/wXrrrqtiwi4