ระทึกศึกเกลี่ยเค้ก ! ห้ามดูแคลน “คนในป่า” เกมชิง “นายกฯ” คนใหม่ ระวังพลิกโผ !

วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทย หลังอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่ง โดยพรรคร่วมรัฐบาลได้พร้อมใจเสนอชื่อคุณ แพทองธาร ชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ คนต่อไป แต่เกมนี้จะมีพลิกโผหรือไม่ ?

 

วันที่ 15 ส.ค. 67 คุณ จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า จากสถานการณ์ของคุณเศรษฐาเมื่อวาน ที่ต้องหลุดออกจาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถคาดการณ์ได้ไม่ยากว่า คุณแพทองธารจะได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป สุดท้ายจะกลายเป็นเข้าทางเป้าหมายสูงสุดของฝ่ายอนุรักษนิยม ที่ต้องการให้คุณแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี

 

 

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นการวางยุทธศาสตร์ระยะยาวของพรรคเพื่อไทย ที่จะยื้อไปจนครบวาระแล้วไปสู้กันในศึกเลือกตั้งปี 2570 แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ยังต้องฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชน สานต่อนโยบายหลักว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ และต้องแก้ปัญหาอีกหลายอย่างรวมถึงการรัฐประหารที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นการพลิกเกมจากภาวะวิกฤติของเพื่อไทยได้เป็นอย่างดี

 

 

คุณ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เชื่อว่าการเจรจาค่อนข้างเข้มข้นและไม่ราบรื่นกว่าจะได้ข้อสรุปเป็นคุณแพทองธาร การเสนอชื่อคุณแพทองธารถือว่าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด การเป็นนายกรัฐมนตรีปกติแล้วจะต้องขึ้นอยู่กับใบอนุญาตจากประชาชน แต่ในภาวะแบบนี้ถือว่าไม่ปกติซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เพื่อไทยกำลังถูกบีบให้เสนอชื่อคุณแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี

 

 

ด้านคุณจตุพร วิเคราะห์เสริมว่า คุณทักษิณต้องรู้สถานการณ์เป็นอย่างดี จึงกล้าเสี่ยงถึงขนาดนี้ถือว่าเป็นเดิมพันสุดท้าย แต่สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นชัยชนะของฝ่ายอนุรักษนิยม ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลไม่อาจอยู่ได้จนครบวาระ ด้านคุณพรรณิการ์ ให้ความเห็นว่า สถานการณ์แบบนี้ที่ประเทศไทยไม่มีทั้งนายกรัฐมนตรีและผู้นำฝ่ายค้าน ไม่ต่างจากการรัฐประหาร

 

 

ประเด็นนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท คุณจตุพร ให้ความเห็นว่า รัฐบาลของคุณแพทองธารอาจไม่สามารถแบกให้ไปต่อได้ หรือนโยบายอื่น ๆ ก็อาจทำได้ยากเช่นกัน พร้อมแนะนำว่าควรแจกเป็นเงินสดให้ประชาชนไปใช้จ่าย ส่วน รศ.ดร.ยุทธพร วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า หากจะดำเนินนโยบายเงินดิจิทัลต่อไป 

 

พรรคเพื่อไทยจะต้องทำอย่างระมัดระวังด้านข้อกฎหมาย ซึ่งอาจมีช่องโหว่ให้ถูกฟ้องร้องมากมาย แต่หากไม่ไปต่อก็จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเช่นกัน เชื่อว่าเงินดิจิทัลได้ไปต่อแต่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการ ด้านคุณพรรณิการ์ เชื่อว่านโยบายเงินดิจิทัลอาจไม่ได้ไปต่อ เนื่องจากเป็นนโยบายที่มีความเสี่ยงสูงที่จะผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ

 

 

ทิศทางการเมืองไทยในอนาคต ทั้งสามคนเชื่อว่าอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง คุณพรรณิการ์ วิเคราะห์ว่า รัฐบาลของคุณแพทองธารจะต้องระมัดระวังผู้มีอำนาจไม่พอใจ โดยที่ไม่สนใจเสียงของประชาชน และเชื่อว่าสิ่งที่สัญญาไว้กับประชาชนหากได้มาจริงก็จะไม่ตรงปก ด้าน รศ.ดร.ยุทธพร ให้ความเห็นว่า หลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสทำการเมืองในสภาให้ดีขึ้น การเมืองนอกสภาก็ยังมีความเสี่ยงอยู่เช่นเดิม ส่วนสภาพเศรษฐกิจประชาชนก็ยังต้องเหนื่อยกันต่อไป

 

ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น.  ทางช่อง 7HD กด 35