พญาเสือ และ ปทส.บุกจับแก๊งค้าสัตว์ป่าคุ้มครองข้ามชาติ ยึดตัวเหี้ย-ลิงแสม กว่า 60 ตัว

        พญาเสือ สนธิกำลัง ตำรวจ ปทส. บุกรวบแก๊งค้าสัตว์ป่าคุ้มครองข้ามชาติ ยึดตัวเหี้ย-ลิงแสม รวมกว่า 60 ตัว

 

          เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 65 นายพนัชกร โพธิบัญฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันปราบปรามและปราบปราม พร้อมด้วย นายมงคล ไชยภัคดี หัวหน้าหน่วยพญาเสือ นายชัยชาญ ศรียงค์ หัวหน้าส่วนป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) และนายสมบัติ รุ่งแตงอ่อน หัวหน้าสายตรวจ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.4 บก.ปทส.) สนธิกำลังเข้าจับกุมเครือข่ายลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครองข้ามชาติ

 

          สืบเนื่องจาก พล.ต.ต. มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส. ได้สั่งการให้ติดตามสืบสวนหาต้นตอผู้ลักลอบจับ ล่า ค้า สัตว์ป่าคุ้มครองโดยผิดกฎหมาย โดย พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส. และ พ.ต.อ.อรุณ

วัชรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส. ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม และสืบสวน ได้ให้ พ.ต.อ. ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส., พ.ต.ท.เอนก นาคธร รอง ผกก.4 บก.ปทส. และชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.4 บก.ปทส. สนับสนุนชุดพญาเสือ นำหมายค้นเข้าตรวจสอบ “เขมวัชร์ฟาร์ม” เลขที่ 149 หมู่ 9 ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงหมูเก่า

 

           จากการตรวจสอบพบ นายวัง จาหาญ และ นายอนันต์ ศรีผา เมื่อทั้งสองคนเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้ขัดขวางการเข้าจับกุม โดยปิดประตูฟาร์มไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และยังเห็นว่า นายวัง และ นายอนันต์ พยายามเปิดกรงซึ่งใช้กักขังสัตว์ป่าคุ้มครอง ได้แก่ ลิง และเหี้ย ให้หลบหนีออกจากกรง เพื่อปกปิดการกระทำความผิด ทำให้สัตว์จำนวนหนึ่งหลุดไป จึงรุดเข้าตรวจสอบ พบว่าลิงดังกล่าวนั้น เป็นลิงแสม สัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ลำดับที่ 154  และ เหี้ย สัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน ลำดับที่ 91 ตามกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2546 รวม 61 ตัว ซึ่งส่วนหนึ่งได้บรรจุใส่ถุงตาข่ายเตรียมการเพื่อขนส่ง นอกจากนั้นยังพบกระบอกเป่าลูกดอก เข็มฉีดยาติดพู่เพื่อใช้ในการยิงยาสลบอีกด้วย

 

            ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบบริเวณฟาร์ม พบมีการติดตั้งป้าย ซึ่งเป็นใบอนุญาตให้เพาะพันธุ์สัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ออกโดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 65 อนุญาตให้ นายลี เที่ยงอยู่ อายุ 73 ปี เพาะพันธุ์สัตว์ป่าตามมาตรา 18 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งมีบัญชีสัตว์แนบท้ายไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่ตรงกับสัตว์ที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดได้ในวันนี้

 

          สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การชักทอดถึงขบวนการที่เกี่ยวข้อง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ และจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงต่อไป ซึ่งในครั้งนี้ผู้ต้องหาจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ในข้อหา “มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”  ในส่วนของสัตว์ป่าคุ้มครอง เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดและส่งเก็บรักษาที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี และของกลางอื่นๆ  นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองโสน จ.พิจิตร ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ขยายผลหาความเชื่อมโยงกับเครือข่ายกลุ่มลักลอบค้าลิงแสมข้ามชาติที่ กก.4 บก.ปทส. ได้ทำการจับกุมไปก่อนหน้าต่อไป

 

            อย่างไรก็ตาม สำหรับการเข้าตรวจสอบและจับกุมดังกล่าวนั้น ก่อนหน้านี้ วันที่ 20 พ.ย. 64 คณะเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 4 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) ได้เฝ้าติดตามข่าวที่ได้รับข้อมูลมาสืบต่อเนื่อง เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง กรณีพฤติกรรมของผู้ที่จะลักลอบแอบเข้ามาจับสัตว์ประเภทลิงภายในวัดเขาหน่อ ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้พบร่องรอยการแอบลักลอบจับลิงโดยใช้อาหารล่อเพื่อให้ลิงออกจากป่ามากินอาหารที่ข้างถนน และใช้เข็มฉีดยาเป็นลูกดอกลักษณะเป่า ซึ่งมีรูปแบบเดียวกันกับ คดีอาญาที่ 260/2564 ลงวันที่ 31 ส.ค. 64 ที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้ จึงได้ทำการขยายผล ซึ่งจากสายข่าวให้ข้อมูลว่ามีการนำลิงที่จับได้จากบริเวณวัดเขาหน่อ ไปกักขังไว้ใน จ.พิจิตร เพื่อรวบรวมก่อนที่จะขนย้ายไปยังแหล่งอื่น จึงได้ดำเนินการติดตามจนทราบว่า ขบวนการดังกล่าวนำลิงมาขังไว้บริเวณโรงเรือนดังกล่าว