แอดมินเพจดัง ยื่นเอกสารร้องสถานทูตลาว พิสูจน์ความจริง "บั้งไฟพญานาค" ชี้เป็นกระสุนส่องแสงยิงหลอกคนไทย
logo ข่าวอัพเดท

แอดมินเพจดัง ยื่นเอกสารร้องสถานทูตลาว พิสูจน์ความจริง "บั้งไฟพญานาค" ชี้เป็นกระสุนส่องแสงยิงหลอกคนไทย

ข่าวอัพเดท : แอดมินเพจดัง ยื่นเอกสารร้องสถานทูตลาว แฉรายชื่อหมู่บ้านยิงกระสุนส่องแสง หลอกคนไทยเป็นบั้งไฟพญานาค บั้งไฟพญานาค,แอดมิน,พิสูจน์ความจริง,กระสุนส่องแสง,ยองหลอกคนไทย,สถานทูตลาว

925 ครั้ง
|
26 ต.ค. 2564
     แอดมินเพจดัง ยื่นเอกสารร้องสถานทูตลาว แฉรายชื่อหมู่บ้านยิงกระสุนส่องแสง หลอกคนไทยเป็นบั้งไฟพญานาค
 
       วันที่ 25 ต.ค.64 นายสมภพ ขำสวัสดิ์ แอดมินเพจ “พิสูจน์บั้งไฟพญานาค” นำหลักฐานเป็นรายชื่อหมู่บ้าน ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ ที่บันทึกการเกิดบั้งไฟพญานาค ไปเป็นหลักฐานยื่นให้สถานเอกอัครราชทูตลาว เพื่อสืบหาความจริงกรณีการเกิดบั้งไฟพญานาค เป็นการยิงกระสุนแสงจากหมู่บ้านฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดให้กับคนไทยมานานหลายสิบปี
 
      นายสมภพ กล่าวว่า ทางเพจได้ตรวจสอบและสังเกตการณ์เรื่องนี้มานาน 10 ปี เก็บรวบรวมข้อมูลมาโดยตลอด โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 ขณะนั้นยังมีความเชื่อในเรื่องบั้งไฟพญานาค ก่อนที่ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง จะระบุว่ายังไม่มีใครเคยถ่ายภาพบั้งไฟขึ้นจากน้ำได้เลย จึงพยายามหาหลักฐานจากยูทูป หรือช่องทางต่างๆ เพื่อมายืนยัน แต่หาอย่างไรก็ไม่เจอเพราะส่วนใหญ่จะเป็นภาพมืดๆ และมีลูกไฟขึ้นมาแต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามาจากไหนกันแน่ กระทั่งถึงวันออกพรรษาในปี 2554 จึงตัดสินใจเดินทางไปดูบั้งไฟพญานาคด้วยตัวเอง โดยใช้กล้อง DSLR เปิดหน้ากล้องไว้นานๆ เพื่อให้เห็นลูกไฟเป็นเส้น แต่ภาพที่ถ่ายได้กลับไม่ใช่ลูกไฟขึ้นจากน้ำ แต่ส่วนใหญ่ขึ้นมาจากฝั่งลาวทั้งนั้น โดยลักษณะคล้ายของแข็งและพุ่งขึ้นเป็นเส้นตรง
 
         นายสมภพ เปิดเผยอีกว่า จากนั้นจึงเริ่มเฝ้าติดตามมาโดยตลอด และเปลี่ยนจุดชมบั้งไฟไปหลายๆ จุด หวังว่าจะเจอบั้งไฟขึ้นจากน้ำสักครั้ง โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็นำโดรนมาใช้ถ่ายเพื่อหาหลักฐาน เป็นการตั้งกล้องจากฝั่งไทย ก็พบว่าคลิปวิดีโอที่บันทึกได้ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกไฟที่ปรากฏจากทางฝั่ง สปป.ลาว ทั้งสิ้น ซึ่งไม่ใช่เป็นการยิงจากริมตลิ่ง แต่ยิงลึกลงไปในน้ำ ส่วนตัวเชื่อว่า “บั้งไฟพญานาค” เกิดจากฝีมือมนุษย์
 
       นายสมภพ กล่าวอีกว่า ได้ตระเวนไปตามหมู่บ้านไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงเพื่อพิสูจน์หลายครั้ง ก็พบว่าฝั่งตรงข้ามของไทยซึ่งเป็นหมู่บ้านใน สปป.ลาว นั้น มีหลายหมู่บ้านที่เชื่อว่ามีการยิงกระสุนแสง ทำให้เกิด “บั้งไฟพญานาค” ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีเพื่อนไปถ่ายจากฝั่ง สปป.ลาว ก็ได้ไปอยู่ใกล้กับคนยิงปืนส่องแสง และยินเสียงการยิงกระสุนชัดเจนจึงรีบหนีออกมา ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไป วัดอาฮง ใน จ.บึงกาฬ จากการลงพื้นที่ สามารถนับลูกไฟได้ 2 ลูก เป็นลักษณะไฟแดงอมชมพู ซึ่งเกิดขึ้นจากฝั่ง สปป.ลาวเช่นกัน
 
           “แม้จะมีกระแสต่อต้านก็ไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด เพราะมีการเชิญชวนให้พิสูจน์บั้งไฟพญานาค ตนก็คือคนหนึ่งที่อยากพิสูจน์การเกิดบั้งไฟพญานาคเช่นกัน และตนก็ไม่ได้ลบหลู่พญานาคแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการพิสูจน์ข้อเท็จจริงของการเกิดเหตุการณ์บั้งไฟพญานาคเท่านั้น” นายสมภพ กล่าว
 
         ทั้งนี้ ที่บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตลาว มีตำรวจ สน.วังทองหลาง ดูแลความเรียบร้อยจำนวนหนึ่ง ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าวันนี้สถานทูตลาวปิด นายสมภพจึงยื่นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้ส่งต่อกับเจ้าหน้าที่สถานทูตในภายหลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง