นพ.ยิ่งพันธุ์ ธาราวัชรศาสตร์ จักษุแพทย์ โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yingpan Tarawatcharasart เล่าถึงเคสคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งถูกอุปกรณ์ยิงแสงเลเซอร์ไล่นก ยิงเข้าที่ตา โดยระบุว่า
"เมื่อวานผมเจอผู้ป่วยคนนึง เป็นผู้ชายอายุ 23 ปี ใช้อุปกรณ์ยิงแสงเลเซอร์แบบในภาพ เพื่อไล่นกที่เกาะตามบ้าน แล้วเผลอกดยิงเข้าที่ตาตัวเอง มีอาการมองไม่เห็น บริเวณกลางภาพเป็นสีดำ เมื่อตรวจดูก็พบว่ามีจุดรับภาพไหม้เป็นจุดสีขาวดังรูป
ปัจจุบันเราพบว่า อุปกรณ์ยิงแสงเลเซอร์ มีขายทั่วไปในท้องตลาด มีหลายสี หลายความเข้มข้นแสง ส่วนมากมักใช้เป็น pointer ชี้บนจอภาพขณะบรรยาย, เอามาไล่นก ส่วนเด็กๆ ก็ชอบซื้อมาเล่นกัน แกล้งยิงใส่กัน ยิงใส่ตากัน ส่วนสถานบันเทิงหรือคอนเสิร์ต ก็ใช้เลเซอร์ในการแสดงให้ดูสวยงามน่าตื่นเต้น
จักษุแพทย์พยายามเน้นย้ำเสมอว่า แสงเลเซอร์เหล่านี้มีอันตรายต่อดวงตา อาจทำให้จอประสาทตาบวม มีเลือดออก เกิดรูรั่ว หรือรอยไหม้ที่ทำให้ตามัวถาวร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นแสง ความเข้มข้นแสง ระยะเวลาที่ได้รับแสง และตำแหน่งที่แสงเลเซอร์ยิงเข้าในดวงตา
The American National Standards Institute จำแนกแสงเลเซอร์เป็น4ระดับ เช่น แสงสีส้มแดง ไม่เกิน 1mW เป็น class II, แสงสีเขียวน้ำเงิน ไม่เกิน 5mW เป็น class III ซึ่งแสงเลเซอร์ใน class 3 และ 4 ถือว่ามีอันตรายรุนแรงต่อดวงตาและผิวหนัง สำหรับเคสนี้เป็นเลเซอร์สีเขียวความเข้มข้นสูง class III ทำให้เกิดจุดไหม้บริเวณกลางจุดรับภาพพอดี ทำให้ตามัวค่อนข้างมาก
หากเป็นไปได้ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีแสงเลเซอร์ หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์เลเซอร์เหล่านี้ โดยเฉพาะเด็กๆ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ และเคสแบบนี้มีจำนวนไม่น้อยเลยครับ"
+ อ่านเพิ่มเติม