จากกรณีที่เด็กวัยเพียง 15 ปี ที่ได้จมน้ำเสียชีวิตระหว่างทำกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือแห่งหนึ่ง ซึ่ง น้องปอนด์ได้หายตัวออกจากฐานหนีสงครามซึ่งเป็นฐานที่ต้องมุดลงน้ำลึกกว่า 3 เมตร ในเวลาต่อมาชุดค้นหาใต้น้ำกู้ภัยร่วมใจกาฬสินธุ์การกุศลพบศพจมภายใต้หนองน้่ำหลังวัดใน จ.กาฬสินธุ์
ต่อมาทาง ผอ.สพป.กาฬสินธุ์สั่ง ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ด้านครูผู้ดูฐานได้ยืนยันแล้วว่าตนไม่ได้บังคับเด็กลงน้ำ คาดว่าอาจจะจมหลังจากเสร็จกิจกรรม เพราะลงไปล้างตัว
ล่าสุดเมื่อเช้า วันที่ 19 มีนาคม 2564 บรรยากาศที่บ้านของน้องปอนด์เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ท่ามกลางครอบครัวและเพื่อน ๆ โดยเฉพาะ นางบัวรื่น สีทา อายุ 48 ปี ผู้เป็นแม่ ที่ไม่เชื่อว่าลูกชายจะจมน้ำเสียชีวิตเพียงเพราะลงไปล้างตัวหลังจากเสร็จกิจกรรม และคาดว่าเสียชีวิตขณะเข้าฐาน นางบัวรื่น ผู้เป็นแม่เล่าว่า ตอนนี้ตนและญาติ ๆ ไม่เชื่อว่าน้องปอนด์ที่ไปเข้าค่ายลูกเสือที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นแล้วจะลงไปล้างเนื้อล้างตัวในหนองน้ำแล้วจมน้ำเสียชีวิตตามที่ครูบอก ซึ่งเชื่อว่าน้องปอนด์ได้เสียชีวิตเพราะเข้ากิจกรรมในฐานหนีสงคราม เพราะตั้งแต่เล็กจนโตน้องปอนด์ไม่เคยลงเล่นหนองน้ำแห่งนี้เพียงคนเดียว แม้ว่าจะอยู่ใกล้บ้านก็ตาม เนื่องจากเป็นคนว่ายน้ำไม่เป็นและกลัวน้ำ เลยทำให้ผู็เป็นแม่มั่นใจว่าไม่ยอมลงไปคนเดียวแน่นอน
ด้าน นายเอ (นามสมมติ) เพื่อนของน้องปอนด์ได้เล่าว่า ตนกับปอนด์เป็นเพื่อนสนิทกัน ตนและเพื่อน ๆ คนอื่นรู้ว่าน้องปอนด์ว่ายน้ำไม่เป็น โดยก่อนเข้ากิจกรรมฐานนี้น้องปอนด์ได้มีความกลัวและกังวลมาก เพราะต้องลงน้ำ จึงบอกเพื่อน ๆ ว่าคอยดูแลด้วยเพราะกลัวน้ำและว่ายน้ำไม่เป็น นายเอเล่าต่ออีกว่า ในการเข้าฐานหนีสงครามหลบระเบิด จะมีลูกเสือกลุ่มละ 8-10 คน ลงไปแช่ตัวอยู่ในน้ำ เพื่อดำน้ำ มุดน้ำ หลบหนีก้อนดินโคลนที่ครูโยนลงมา ซึ่งตนอยู่คนละกลุ่มกับปอนด์ โดยกลุ่มตนลงไปทำกิจกรรมก่อน ทำให้ตนไม่มีเวลาจับตาดูปอนด์เพราะครูฝึกให้ตนไปเข้ากิจกรรมฐานต่อไป จึงไม่มีรู้ว่าปอนด์หายไปตอนไหน เพราะทั้งตอนก่อนจะลงน้ำหรือขึ้นมาจากน้ำ ไม่มีการตรวจเช็กชื่อและจำนวนนักเรียน ซึ่งทางครูยังมีการนั่งในลักษณะสังสรรค์กันริมสระน้ำอีกด้วย
นางบัวรื่น ผู้เป็นแม่เล่าต่อว่า จากการสอบถามเพื่อน ๆ ของน้องปอนด์แล้วเห็นน้องปอนด์ลงน้ำตอนเข้าฐานหนีสงครามแต่ไม่เห็นน้องปอนด์ขึ้นจากน้ำ เพราะทุกคนต่างจะต้องสมมุตเหตุการณ์เพื่อที่จะให้ตนเองผ่านฐานนี้ไปให้ได้จึงจะได้คะแนน ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบสาเหตุการจมน้ำเสียชีวิตของน้องปอนด์ให้เร็วที่สุด หากเป็นความประมาทก็ให้ดำเนินการให้ถึงที่สุด แม่และญาติยังตั้งข้อสังเกตว่าทำไมทางโรงเรียนและคณะครูจึงต้องให้เด็กลงไปในน้ำที่มีความลึกขนาดนี้ โดยไม่มีการเตรียมความพร้อมจัดอุปกรณ์เสื้อชูชีพ หรือห่วงยางเอาไว้คอยช่วยเหลือ รวมถึงน้องปอนด์ที่เป็นนักเรียนที่อยู่ในความดูแลได้หายตัวไป แต่กลับไม่รีบร้อนในการออกตามหายอีกด้วย
ในส่วนของคดีความการเสียชีวิตของน้องปอนด์ ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก ยังไม่ได้มีการเรียกสอบปากคำใคร เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดยังไปช่วยงานศพ แต่คาดว่าหลังจากเสร็จพิธีฌาปนกิจแล้ว จะมีการเรียกสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม