ครม. อนุมัติร่างกฎกระทรวงฯ เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตน เป็น 800 บาท ต่อเดือน เริ่ม 1 ม.ค. 64 พร้อมไฟเขียว ลดส่งเงินสมทบประกันสังคม 3 เดือน 1 ม.ค. - มี.ค. 64
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า มีหลายเรื่องที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด-19 เรื่องแรกร่างกฎกระทรวงที่เป็นการดูแลประชาชนซึ่งเป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ณ วันนี้มีอยู่ประมาณ 12 ล้านคน
โดย ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ซึ่งกระทรวงแรงงานเคยออกมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่เป็นการจ่ายเงินเยียวยาและให้สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนกรณีว่างงาน ในอัตราร้อยละ 62 ของค่าจ้างรายวัน ให้ตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้ทำงานแต่ไม่เกิน 90 วัน ตั้งแต่ มี.ค. - ส.ค. 2563
ทั้งนี้ จากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ วันนี้ ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงอีกครั้งในลักษณะเดิม มีสาระสำคัญว่า กำหนดให้กฎกระทรวงนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 2563 และนิยามของเหตุสุดวิสัยที่จะให้มีการจ่ายเงินทดแทนได้ หมายถึง ภัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ซึ่งมีผลกระทบต่อสาธารณชน และถึงขนาดที่ให้ผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้ หรือนายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ การกำหนดให้มีกรณีเหตุสุดวิสัยและหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่ออันตราย อันส่งผลให้ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น
ลูกจ้างดังกล่าว มีสิทธิได้รับผลประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการประกันสังคม โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่สั่งปิดพื้นที่ ภายในระยะเวลา 1 ปีปฏิทินจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนดังกล่าวทุกครั้งรวมกันแล้วไม่เกิน 90 วัน
ทางด้าน กระทรวงแรงงาน คาดว่า ร่างกฎกระทรวงนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกันตนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงถูกปิดกิจการ เช่น สมุทรสาคร สมุทรปราการ กทม. นนทบุรี นครปฐม ราชบุรี และสมุทรสงคราม คาดว่าจะมีผู้ประกันตนที่จะได้รับค่าทดแทน 5.7 ล้านคน คิดเป็นเงิน 5,225 ล้านบาท เพื่อให้ความมั่นใจว่าหากมีการให้ปิดกิจการชั่วคราวจากโควิด-19 รัฐบาลก็พร้อมที่จะจ่ายเงินกองทุนประกันสังคมเพื่อเยียวยาดูแล
เรื่องที่สอง ร่างกฎกระทรวงอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยเป็นการลดการจ่ายเงินสมทบเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายทั้งผู้ประกอบการและผู้ประกันตน
จากเดิมร้อยละ 5 ลดเหลือร้อยละ 3 สำหรับฝ่ายรัฐบาลส่งเงินสมทบอัตราเดิม คือร้อยละ 2.75 ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 ให้ปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม จากเดิมเดือนละ 432 บาท เหลือเดือนละ 278 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564
เรื่องที่สาม ร่างกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร รัฐบาลพบว่าครอบครัวที่มีเด็กเล็กจะประสบปัญหาและได้รับผลกระทบสภาวะทางเศรษฐกิจ เพราะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มมากขึ้น บางครอบครัวแม่อาจจะต้องหยุดงานหรือออกจากการทำงานในขณะที่รายจ่ายยังมีเท่าเดิมหรือเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระ ครม. จึงมีมติเห็นชอบ
โดยให้เพิ่มอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรเหมาจ่าย จากเดิม 600 บาท/เดือน/บุตร 1 คน เป็น 800 บาท/เดือน/บุตร 1 คน ซึ่งกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป
+ อ่านเพิ่มเติม