logo เงินทองของจริง

จ่าย ประกันสังคม แพงขึ้น ได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ? | เงินทองของจริง

เงินทองของจริง : พนักงานบริษัทต้องฟังให้ดี เพราะมีข่าวลือออกมาว่า ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินสมทบประกันสังคมเพิ่ม จากการประมาณการว่าในอนาคตจะมีผู้สูง ch7hd news,tero digital,เงินทองของจริง,money coach,จักรพงษ์ เมษพันธุ์,โคชหนุ่ม,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,กาย สวิตต์,ภัทรนันท์ ประยูรวงค์,แพรว ภัทรนันท์,เศรษฐกิจ,การเงิน,การลงทุน,การออม,ออมเงิน,เก็บเงิน,สอนลงทุน,สอนออมเงิน,สอนเก็บเงิน,ประกันสังคม,กองทุนประกันสังคม,เงินบำนาญ,เงินบำนาญชราภาพ,เงินบำเหน็จ

557 ครั้ง
|
04 เม.ย. 2566
พนักงานบริษัทต้องฟังให้ดี เพราะมีข่าวลือออกมาว่า ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินสมทบประกันสังคมเพิ่ม จากการประมาณการว่าในอนาคตจะมีผู้สูงวัยที่มากขึ้น
 
เป็นวิธีการบริหารจัดการของกองทุนประกันสังคม ซึ่งคาดการณ์แนวโนมผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้น และมีอายุยืนยาวมากขึ้น จึงมีการบริหารจัดการสัดส่วนเงินในกองทุนประกันสังคมเพื่อให้เกิดสิทธิประโยชน์ และสามารถดูแลผู้ประกันตนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเดิมจ่ายที่ 5% ของฐานรายได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ใช้สำหรับประกันในกรณีต่าง ๆ และส่วนที่ใช้เป็นเงินเก็บสำหรับเกษียณ หรือกองทุนบำนาญชราภาพ
 
แต่ ณ เวลานี้ กำลังมีการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดสิทธิประโยชน์ที่สูงขึ้น ซึ่งเปลี่ยนการคำนวณจากฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได จาก 15,000 บาท ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ดังนี้
 
- ปี 2566 คำนวณจากฐานรายได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท หรือไม่เกิน 750 บาท
- ปี 2567-2569 คำนวณจากฐานรายได้สูงสุดไม่เกิน 17,500 บาท หรือไม่เกิน 875 บาท
- ปี 2570-2572 คำนวณจากฐานรายได้สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท หรือไม่เกิน 1,000 บาท
- ปี 2573 ขึ้นไป คำนวณจากฐานรายได้สูงสุดไม่เกิน 23,000 บาท หรือไม่เกิน 1,150 บาท
 
เรียกได้ว่า การส่งจ่ายเงินประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น ทำให้เรามีเงินเก็บสะสมไว้ใช้สำหรับดูแลตัวเองมากขึ้นเช่นกัน แต่การควักกระเป๋าเพิ่มแบบนี้ เราจะได้สิทธิประโยชน์มากกว่าเดิมอย่างไรบ้าง ?
 
1. "กรณีว่างงาน" หากถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทน 50% ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 180 วัน หรือ 6 เดือน เช่น หากเป็นเมื่อก่อน เงินทดแทนที่ได้รับ 50% คำนวณจากฐานรายได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เท่ากับว่าเราจะได้รับเงินทดเทนเพียง 7,500 บาท/เดือน แต่หากมีการปรับเปลี่ยนเพดานฐานรายได้เป็น 23,000 บาทแล้ว จะทำให้เราได้รับเงินทดแทนสูงขึ้นเป็นเงิน 11,500 บาท/เดือน
 
หรือกรณีที่เราลาออก หรือหมดสัญญาจ้าง จะได้รับเงินทดแทน 30% ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 90 วัน หรือ 3 เดือน โดยคำนวณจากเพดานฐานรายได้ที่สูงขึ้นเช่นกัน
 
2. "เงินบำนาญชราภาพ" เดิมทีหากเราเป็นพนักงานประจำ เช่น ทำงานตั้งแต่อายุ 20-55 ปี รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 35 ปี โดยหลักแล้ว หากเราส่งจ่ายประกันสังคมเป็นระยะเวลา 35 ปี เราจะได้รับเงินบำนาญชราภาพ 50% ของฐานรายได้ที่ใช้คำนวณเงินสมทบประกันสังคม หรือก็คือฐานรายได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เท่ากับว่าเราจะได้รับเงินบำนาญชราภาพ 7,500 บาท/เดือน แต่หากมีการปรับเปลี่ยนฐานรายได้เป็น 23,000 บาทแล้ว เท่ากับว่าเราจะได้รับเงินบำนาญชราภาพ 11,500 บาท/เดือน "ไปจนวันตาย"
 
ข้อควรรู้เพิ่มเติม หากเราทำงานมานาน และอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการปรับคำนวณฐานรายได้ จาก 15,000 บาท เป็น 23,000 บาท ในกรณีเช่นนี้ จะคำนวณจากฐานรายได้ที่เป็นเงินสมทบของเงินประกันสังคมเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย และในกรณีที่ส่งจ่ายประกันสังคมไม่ถึง 15 ปี จะได้รับเป็นเงินบำเหน็จแทน แต่หากส่งจ่ายประกันสังคมตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินบำนาญชราภาพ 20% ของฐานรายได้ที่ใช้คำนวณ และเพิ่มขึ้น 1.5% ในทุก ๆ ปี
 
ยิ่งส่งนาน ยิ่งมีเงินเก็บ และสามารถตรวจสอบยอดได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ SSO Connect Mobile อีกด้วย
 
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน สนามข่าว 7 สี ช่วง "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35
และรับชมออนไลน์ ผ่าน YouTube: TERO Digital ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.35 น.
 
 
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่ : https://www.youtube.com/live/DW-RVgLkfvk?feature=share

ข่าวที่เกี่ยวข้อง