อย่าลืมพกร่ม! จับตา 3 พายุ 'หลิ่นฟา-นังกา-โซเดล' เรียงคิวเข้าไทย ยาวไปถึง 19 ต.ค.63
logo TERO HOT SCOOP

อย่าลืมพกร่ม! จับตา 3 พายุ 'หลิ่นฟา-นังกา-โซเดล' เรียงคิวเข้าไทย ยาวไปถึง 19 ต.ค.63

TERO HOT SCOOP : จับตา 3 พายุ หลิ่นฟา-นังกา-โซเดล เรียงคิวเข้าไทย ยาวไปถึง 19 ต.ค.63 พายุเข้าไทย,พายุหลิ่นฟา,พายุนังกา,พายุโซเดล,พยากรณ์อากาศ

16,380 ครั้ง
|
12 ต.ค. 2563
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
 
"พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง)
 
(มีผลกระทบถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2563)"
 
ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2563
 
เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (12 ตุลาคม 2563) พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) “หลิ่นฟา” ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) บริเวณเมืองอัตตะปือ ประเทศลาว แล้ว ทำให้ด้านตะวันออกและตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดมุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา
 
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ในช่วงวันที่ 11–12 ตุลาคม 2563 มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
 
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือขนาดเล็กงดการเดินเรือ
 
อนึ่ง พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3 (โซนร้อน) ในระยะต่อไป คาดว่า จะเคลื่อนเข้าใกล้เกาะไหหลำในช่วงวันที่ 13 – 14 ตุลาคม 2563
 
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
 
ประกาศ ณ วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 05.00 น.
 
กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้
 
 
 
 
ด้านสมาคมดาราศาสตร์ไทย ได้พยากรณ์สภาพอากาศ จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ต.ค.63)  พบว่า ต้องจับตาพายุ 3 ลูก ซึ่งจะพาร่องฝนพาดผ่านประเทศไทยยาวๆ 1 สัปดาห์ คือ
1. พายุหลิ่นฟา (Linfa) ส่งผลกระทบในวันที่ 11-13 ต.ค. 2563
2. พายุลูกที่ 2 (คาดว่าชื่อ นังกา Nangka) กำลังก่อตัวในทะเลจีนใต้ ส่งผลกระทบในวันที่ 14-15 ต.ค. 2563
3. พายุลูกที่ 3 น่าจะแรงที่สุด (คาดว่าชื่อ โซเดล Saudel) กำลังก่อตัวใกล้ฟิลิปปินส์ ส่งผลกระทบในวันที่ 16-19 ต.ค. 2563
 
 
คาดการณ์ปริมาณฝนตก (12 ต.ค.2563)
ภาคเหนือ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ภาคกลาง ร้อยละ 80 ของพื้นที่
ภาคตะวันออก ร้อยละ 80 ของพื้นที่
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ร้อยละ 70 ของพื้นที่
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) ร้อยละ 80 ของพื้นที่
กรุงเทพและปริมณฑล ร้อยละ 80 ของพื้นที่
 
 
ขณะที่ทางด้าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สภาพอากาศ จังหวัดและการบรรเทาสาธารณภัย เตรียมพร้อมรับมือกับพายุลูกใหม่ ที่คาดว่ามีกำลังแรง ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนภัย โดยขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลได้เฝ้าระวัง และสั่งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัย สอบถามได้ที่ สายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชม.
 
 
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดเพชรบุรีเมื่อวานนี้ (11 ต.ค. 63) หลังจากที่มีการประกาศให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของและเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน แต่เดิมมีการคาดการณ์ไว้ว่าน้ำจะท่วมสูงมากขึ้น เนื่องจากแม่น้ำเพชรบุรีล้นตลิ่ง ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าแม่น้ำเพชรบุรียังไม่ล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชน ถนนทุกสายสามารถใช้การได้ปกติ ส่วนปริมาณน้ำบริเวณหน้าเขื่อนเพชรบุรีมีปริมาณลดลงเล็กน้อย โดยปล่อยมาเพียง 108 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 
 
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี ได้มีการนำกระสอบทราบจำนวนมากมาวางป้องกันน้ำท่วมเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งโรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีและบริเวณใกล้เคียงจำนวน 14 แห่ง ได้ทำการปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 1 วัน เพื่อเฝ้าระวังภัยน้ำท่วม 
 
ด้านจังหวัดนครราชสีมา สถานการณ์น้ำท่วมที่อำเภอเขาใหญ่ ตำบลปากช่อง เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ต้องเฝ้าระวังปริมาณในเขื่อนลำพระเพลิงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะล้นสปินเวย์ โดยมีประชาชนจำนวนมากต่างเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงมากขึ้นบริเวณสันเขื่อน เนื่องจากกังวลว่าหากน้ำล้นออกจากเขื่อน จะส่งผลต่อบ้านเรือนหรือพื้นที่ทางการเกษตรหรือไม่