ภายหลังที่ประชุมอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 64 ที่มีนายสุพล ฟองงาม เป็นประธานมีมติเห็นชอบให้มีการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่ากว่า 22,500 ล้านบาท
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ แถลงข่าวในฐานะโฆษก กมธ.งบปี 64 ว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน ของกองทัพเรือ โดยกองทัพเรือได้ให้เหตุผลว่าที่ต้องซื้อเรือดำน้ำ เพราะไทยได้ลงนามในเอ็มโอยูกับจีนต้องซื้อ 3 ลำ โดยลำแรกได้จัดซื้อไปแล้วด้วยงบประมาณปี 60 ซึ่งจะได้รับเรือในปี 2567 ส่วนอีก 2 ลำ ที่จะใช้งบปี64 นั้น ทางอนุ กมธ.สอบถามว่ายังไม่ซื้อได้หรือไม่ จะถูกฟ้องร้องหรือไม่ ซึ่งกองทัพเรือได้นำเอ็มโอยูซื้อเรือลำน้ำลำแรกมา ปรากฏว่าในเอ็มโอยูไม่ได้เขียนว่าไทยจะต้องซื้อลำที่สองและลำที่สาม ไม่ได้ผูกพันธ์กันไว้ มีแต่เพียงระบุว่าถ้าเกิดปัญหาในข้อตกลง หรือเกิดความขัดแย้งให้เจรจากัน ไม่มีการขึ้นศาลหรือคดีต่อกัน
ที่ประชุมจึงมีการลงมติว่าจะให้ซื้อเรือดำน้ำหรือไม่ ปรากฎว่าการลงมติของอนุ กมธ.เสียงเท่ากันระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยทำให้ นายสุพล ในฐานะประธานคณะอนุกมธ.ออกอีกเสียงหนึ่งเห็นชอบให้ซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นการซื้อเรือดำน้ำในภาวะที่คนไทยกำลังอดยาก
นายยุทธพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนและนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม จะขอคัดค้านการซื้อเรือดำน้ำดังกล่าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นในการซื้อ อีกทั้งเรือดำน้ำลำแรกที่ซื้อไปแล้วยังไม่ได้ของ เรื่องนี้นายกฯต้องเลือกระหว่างซื้อเรือดำน้ำกับความอดยากของประชาชน
ด้าน นายครูมานิตย์ ระบุว่า วันนี้ยังไม่มีความจำเป็นในการจัดซื้อเมื่อเทียบกับความอดอยากของประชาชน ไม่ได้อยากคัดค้าน แต่ขอให้ชะลอไว้ก่อน เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะซื้อ 4-5 ลำก็ซื้อได้