จากกรณีที่มีผู้โพสต์เรื่องราวถูกนำขบวนสำนักปลัดกระทรวงเกษตร ปาดหน้า และฝ่าสัญญาณไฟจราจรบนถนนสายแกลง-จันทบุรี ล่าสุดผู้โพสต์ระบุ เพราะเหตุใดจึงกระทำเช่นนี้ ทั้งที่ก็ทราบดีว่าการมีรถนำต้องขออนุญาต และ อาจกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับผู้โพสต์คือ คุณพัชรินทร์ วิกิตเศรษฐ์ อายุ 63 ปี เล่าว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.30 น. ขับรถจากจันทบุรีเข้ากรุงเทพ เมื่อขับมาถึงบนถนนสายแกลง-จันทบุรี บริเวณนั้นเป็นถนน 2 เลน ที่ต้องขับสวนเลนกัน แต่ระหว่างขับไป รถตำรวจที่นำขบวนรถของผู้ใหญ่ และรถตู้ของรถตู้ของสำนักปลัดกระทรวงเกษตร จากที่ตนเห็นสติกเกอร์ข้างรถมาประกอบข้าง ก่อนที่จะปลดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้เซนเซอร์รถตนเอง หักเบี่ยงออกอัตโนมัติ เคราะห์ดีที่ไม่ตกไหล่ทาง เพราะไหล่ทางแคบ และเป็นถนนลูกรัง
โดยยืนยันว่าไม่ได้ยินเสียงไซเรนรถนำขบวนใดๆ กระทั่งรถตำรวจที่นำขบวนมาประกอบข้าง ทั้งที่ข้างหน้าตน ก็ไม่มีรถ และสามารถแซงได้ แต่เพราะเหตุใดจึงต้องมาประกบ และปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด โดยรถในขบวนมี 5 ขบวน ทำการปาดตั้งแต่รถนำที่เป็นตำรวจ รถตู้ของสำนักปลัดกระทรวงเกษตร เว้นแต่รถตู้คันสีดำของผู้บริหาร ที่ไม่ได้ขับปาดหน้าตนเอง
โดยถนนที่เกิดเหตุ เป็นถนน 2 ช่องทาง เลนสวนกัน ระยะทางที่สวนกันประมาณ 1-2 กิโลเมตรเท่านั้น หากจะหลบก็เสี่ยงต่อการตกไหล่ทางได้ เพราะข้างทางยังเป็นฝุ่นลูกรังอยู่
ทั้งนี้มองว่า การใช้รถนำขบวน เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะตามปกติจะต้องมีการขออนุญาต โดยเฉพาะเมื่อออกนอกเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งปกติรถที่เปิดไซเรนได้ ควรเป็นรถฉุกเฉินที่มีกรณีฉุกเฉินเท่านั้น และที่ผ่านมาทางนายกรัฐมนตรีก็ได้มีการกำชับเรื่องราวดังกล่าวแล้ว ซึ่งทุกคนทราบเรื่องนี้ดี และจากพฤติกรรม จะเห็นได้ว่ารถตำรวจที่นำขบวน กลับกระทำการไม่เหมาะสม ทั้งที่เป็นผู้รักษากฎ และสาเหตุที่ตนเองโพสต์เรื่องราวต่างๆ อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเล็งเห็นถึงผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ใช้รถใช้ถนน และควรมีการใช้เฉพาะความจำเป็นเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า รถยนตร์ที่มีตราสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นรถเช่า หรือว่าจัดซื้อจัดจ้าง เพราะป้านทะเทียนรถคันดังกล่าวไม่ใช่รถตราโร่ แต่เป้นป้ายทะเบียนทั่วไป และต้องตรวจสอบว่าใครเป็นคนขับ ซ่งผู้เสียหายสามารถไปแจ้งความได้
ล่าสุดทางปลัดกระทรวงเกษตรฯ ออกทำการออกหนังสือชี้แจง โดยยอมรับว่า เป็นขบวนของบริหารในกระทรวงจริง ในขบวนทมชมีทั้งหมด 5 คัน ก่อนจะผ่านรถคู่กรณีส่งสัญญาณขอทางแล้ว แต่ถนนเป็น 2 เลนสวน มีรถยนต์คับคั่ง ทำให้ต้องรีบขับผ่านไป และได้ตักเตือนเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวังมากกว่านี้ อย่าสร้างความเดือดร้อนและอันตรายต่อประชาชน พร้อมแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากมีเหตุการณ์เช่นี้เกิดขึ้นอีด จะลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างหนัก
+ อ่านเพิ่มเติม