ทนายคนดัง ไขข้อสงสัย หนุ่มเบนซ์ ร่อนจดหมายขู่ถึงบ้าน หาชื่อที่อยู่จากไหน แย้มคนมีอำนาจเอี่ยว
logo TERO HOT SCOOP

ทนายคนดัง ไขข้อสงสัย หนุ่มเบนซ์ ร่อนจดหมายขู่ถึงบ้าน หาชื่อที่อยู่จากไหน แย้มคนมีอำนาจเอี่ยว

TERO HOT SCOOP : จากกรณีโลกออนไลน์แห่แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก อนุรัตน์ วิวรรธน์สมบัติ ซึ่งขอความช่วยเหลือว่า ตนเองถูกส่งจดหมายข่มขู่ถึงที่บ้าน ห เบนซ์,จดหมาย,ข่มขู่,คุกคาม,ทนายเจมส์,เบนซ์ร่อยจดหมายขู่,ส่งจดหมายขู่,จดหมายข่มขู่

23,599 ครั้ง
|
27 พ.ค. 2563
จากกรณีโลกออนไลน์แห่แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กทีมีชื่อว่า อนุรัตน์ วิวรรธน์สมบัติ ซึ่งเจ้าตัวได้ขอความช่วยเหลือ หลังจากตนเองถูกส่งจดหมายข่มขู่ถึงที่บ้าน เนื่องจากมีเรื่องกระทบกระทั่งกับรถเบนซ์ออฟโรดคันหนึ่งบนทางด่วน ตามที่รายงานไปแล้วนั้น
 
 
 
 
 
โดยผู้โพสต์ระบุว่า วันเกิดเหตุคือวันที่ 24 พ.ค. และวันต่อมาคือ 25 พ.ค. มีจดหมายระบุชื่อนามสกุลจริงของตนเอง ส่งมาขู่ถึงที่บ้าน มีข้อความในจดหมายว่า 'เดี๋ยวคืนนี้ไปหา'
 
 
 
นายอนุรัติ วิวรรธน์สมบัติ ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดกับทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์ว่า “ตอนนั้นผมกำลังขับรถกลับจากจังหวัดอยุธยา มุ่งหน้าเข้ากทม. โดยใช้เส้นทางโทลเวย์"
 
 
TERO HOT SCOOP : ทนายคนดัง ไขข้อสงสัย หนุ่มเบนซ์
 
 
"ระหว่างทางก็เจอกับเบนซ์คู่กรณีที่กำลังขับอยู่ในเลนกลาง โดยผมขับมาด้วยความเร็วในเลนขวา ซึ่งรถเบนซ์มีท่าทีว่ากำลังจะเปลี่ยนเลนมายังเลนเดียวกันกับผม ผมจึงเปิดไฟเลี้ยวเพื่อเป็นสัญญาณบอกอีกฝ่ายว่าอย่าเพิ่งออกมานะ แต่เขาก็ไม่สนใจ และได้เปลี่ยนมาเลนเดียวกันกับผม จนผมต้องเบรก ซึ่งเขาขับแช่โดยที่ไม่หลบ ผมจึงบีบแตรไป 2-3 ครั้ง ก่อนที่ผมจะขับแซง แล้วเขาก็เร่งเครื่องแข่งกับผม"
 
 
"เมื่อถึงช่องจ่ายเงิน เขาก็มาดักหน้าแล้วเปิดกระจกตะโกนว่า 'เดี๋ยวคืนนี้ไปหา' หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป พอวันต่อมาช่วงค่ำผมกลับมาถึงบ้านเปิดตู้จดหมาย ก็เจอซองขาวของคู่กรณีซึ่งไม่มีการแปะแสตมป์อากรแต่อย่างใด เหมือนเขาจ้างวานคนมาส่ง หรือไม่ก็มาด้วยตัวเอง เมื่อเปิดซองก็พบเป็นรูปรถผม ชื่อนามสกุลจริง พร้อมข้อความระบุเดี๋ยวคืนนี้ไปหาซึ่งตรงกับสิ่งที่คู่กรณีพูดไว้”
 
 
TERO HOT SCOOP : ทนายคนดัง ไขข้อสงสัย หนุ่มเบนซ์
 
 
นายอนุรัติ ยอมรับว่า “ผมกลัวครับ เนื่องจากผมไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว ผมอยู่กับครอบครัวซึ่งอาจเกิดอันตรายได้”
 
 
นอกจากนี้ นายอนุรัติ ยังได้บอกเล่าถึงรูปพรรณสัณฐานของคู่กรณีว่า “ผมยาว ผิวขาว อายุราว 30 ปี ซึ่งในรถมีเด็ก 1 คน และแฟนสาวอีก 1 คน”
 
 
ส่วนความคืบหน้าล่าสุด นายอนุรัติ กล่าวว่า “ผมได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.เทียนทะเล เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รอตำรวจหาเจ้าของรถคันคู่กรณี เนื่องจากป้ายทะเบียนจากกล้องติดหน้ารถจับภาพได้ไม่ชัดเจน ประกอบกับผมจำเลขทะเบียนไม่ได้ เนื่องจากผมไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องถึงขนาดนี้ และยังไม่มีความเคลื่อนไหวของคู่กรณีแต่อย่างใด”
 
 
TERO HOT SCOOP : ทนายคนดัง ไขข้อสงสัย หนุ่มเบนซ์
 
 
 

- คู่กรณีหาข้อมูลส่วนตัวมาจากไหน?

 
คำถามที่ตามจากเหตุการณ์นี้ คือ คู่กรณีของนายอนุรัตน์ ทราบข้อมูลส่วนตัวของนายอนุรัตน์ได้อย่างไร ทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์ มีโอกาสพูดคุยกับ นายนิติธร แก้วโต หรือ เจมส์ ทนายความชื่อดัง ซึ่งได้รับข้อมูลอันน่าสนใจ และทีมข่าวจะไล่เรียงให้คุณเข้าใจง่ายๆ ดังต่อไปนี้
 
 
TERO HOT SCOOP : ทนายคนดัง ไขข้อสงสัย หนุ่มเบนซ์
 
 
 
ทนายนิติธร วิเคราะห์ว่า คู่กรณีของนายอนุรัตน์ อาจจะเสาะหาข้อมูลได้อยู่ 2 วิธี ดังนี้
 
1. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบค้นให้
 
2. ให้เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกสืบค้นให้
 
 
ทั้งนี้ กรณีที่ประชาชนทั่วไปจะสืบค้นข้อมูลของผู้อื่นได้นั้น จะต้องมีเหตุจำเป็น ยกตัวอย่างเช่น กรณีรถของนาย ก. ถูกเฉี่ยวชน แต่คู่กรณีหลบหนี นาย ก.จะต้องเดินทางไปลงบันทึกประจำวัน แล้วนำใบลงบันทึกประจำวันไปร้องขอต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อขอข้อมูลของคู่กรณี 
 
 
"แต่การที่เจ้าของรถเบนซ์รู้ข้อมูลส่วนตัวได้ขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ 2 อย่างคือ ถ้าคู่กรณีไม่ได้เป็นตำรวจ ก็ต้องมีคนสนิทเป็นผู้มีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น” ทนายนิติธร ให้ความเห็น
 
 
TERO HOT SCOOP : ทนายคนดัง ไขข้อสงสัย หนุ่มเบนซ์
 
 

 

ค้นข้อมูลส่วนตัว ส่งจดหมายขู่ผู้อื่น มีความผิดอย่างไร?

เมื่อถามถึงความผิดของคู่กรณีที่พยายามค้นหาข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่น ทนายนิติธร ให้คำตอบว่า ประการแรกการกระทำดังกล่าวเป็นการข่มขู่คุกคาม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 397 มีโทษปรับ 5,000 บาท
 
ส่วนประการที่สอง ในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ให้ข้อมูล โดยจะต้องดูเจตนาว่า เจ้าหน้าที่ที่นำข้อมูลออกมาให้นั้น ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีความผิด ตาม ปอ. มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นโดยจะมีตั้งแต่ ตักเตือน ตัดเงินเดือน พักงาน จนถึงไล่ออก
 
 
อย่างไรก็ดี ทนายนิติธร ยังได้แนะแนวทางปฎิบัติตัวหากโดนคุกคามข่มขู่ว่า “อันดับแรกต้องแจ้งความ เนื่องจากเราไม่รู้ว่าเขาจะทำจริงหรือไม่ ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยต้องแจ้งความไว้ก่อน”.