คสช. แจง ไม่ได้ป้องชาวนาเบี้ยวหนี้ แต่เป็นการป้องปรามห้ามเจ้าหนี้ใช้ความรุนแรง โดยทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย
จากกรณีที่ คสช.ออกประกาศฉบับที่ 46 เรื่องความผิดเกี่ยวกับการติดตามทวงถามหนี้ หลังจากปรากฎว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมติดตามทวงถามหนี้จากชาวนา อย่างไม่เป็นธรรมและไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อรักษาความมั่นคง
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มีคำสั่งระงับไม่ให้มีการทวงหนี้ชาวนา ว่า คสช.มีความเป็นห่วงหลังจากที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ได้จ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งช่วงที่ผ่านมาชาวนาได้ไปกู้หนี้นอกระบบ เมื่อได้เงินแล้วก็กลัวว่าเจ้าหนี้จะมาทวงเงิน โดยการบังคับ ข่มขู่
ซึ่งคำสั่ง คสช.ดังกล่าว เป็นการป้องปราม โดยจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองดูแลเรื่องนี้ แต่กรณีนี้ ชาวนาอ้างไม่จ่ายหนี้ไม่ได้ เพราะตามกฎหมายเมื่อเป็นหนี้ก็ต้องจ่าย เพียงแต่ว่าขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหนี้ จะต้องถูกต้องตามกฎหมาย คือ ไม่ใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขู่ ทำให้เกิดความหวาดกลัว และการใช้หนี้ต้องเป็นไปตามความสมัครใจของชาวนา ว่าสามารถใช้หนี้ได้ในจำนวนเงินเท่าไหร่ เพราะชาวนาต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นทุนในการทำการเกษตรต่อไป
ทั้งนี้ หนี้นอกระบบเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย เจ้าหนี้จะต้องไปดำเนินการให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเรื่องสัญญาการกู้หนี้ยืมสิน และอัตราดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด ถ้าชาวนาไม่จ่ายเงินก็ให้เจ้าหนี้ไปฟ้องร้อง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และหาก คสช. พบว่าเจ้าหนี้รายใดมีการกระทำหรือพฤติกรรมที่ขัดต่อคำสั่งดังกล่าว จะมีการดำเนินคดีกับเจ้าหนี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในแต่ละพื้นที่เข้าไปสอดส่องดูแล