วันที่ 4 มี.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐกลาโหม กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมจัดเตรียมมาตรการเร่งด่วนเพื่อรองรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า วันนี้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะดูในเรื่องนโยบาย การสั่งการ ติดตามความคืบหน้า
โดยสั่งการกระทรวงสาธารณสุขไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการยกระดับขึ้นมาจากศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุข รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับหากมีการยกระดับมากกว่านี้ พร้อมพิจารณาว่าต้องมีกฎหมายอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นอกเหนือจากที่กระทรวงสาธารณสุขใช้พ.ร.บ.โรคติดต่ออยู่ในขณะนี้
พร้อมย้ำไทยมีมาตรฐานดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ ส่วนสิ่งที่ประชาชนกังวลและห่วงใยในประเด็นผีน้อยนั้น วันนี้มีมาตรการชัดเจนออกมาว่า ขั้นแรกต้องดูพื้นที่มีความเสี่ยง จากนั้นก็มีมาตราการคัดกรองทุกช่องทาง ทั้งสนามบิน ท่าเรือ รวมถึงชายแดนต่าง ๆ
โดยมาตรการเตรียมรองรับผีน้อยที่ไปทำงานเกาหลีทั้งถูกและผิดกฎหมาย ซึ่งคาดว่ามีจำนวนมาก จะมีมาตรการคัดกรองตั้งแต่ต้นทางที่เกาหลี และทุกสายการบินถ้ามีไข้ก็จะไม่ให้ขึ้นเครื่อง หรือหากขึ้นมาแล้วเป็นไข้ ก็ต้องจัดให้แยกที่นั่งและแยกห้องน้ำ
อย่างไรก็ตามคนที่เดินทางมาจากเมืองที่มีการแพร่ระบาดที่สุดได้แก่ เมืองแทกู คยองซัง เมื่อผ่านการคัดกรองและเข้ามาแล้ว ต้องเข้าพื้นที่ควบคุมโรคของรัฐ ซึ่งตนไม่เรียกว่าพื้นที่กักกัน โดยจะมีแพทย์เข้าไปดูแล รวมทั้งให้มีการรายงานตัวต่างๆ ทั้งหมด มีแอพพลิเคชั่น มีชุดแพทย์เคลื่อนที่และแพทย์ทหาร
โดยจะเตรียมพร้อมมากกว่าเดิม เพราะเชื่อว่าจะมีคนเข้ามามากขึ้น โดยย้ำทุกคนที่มาจาก 2 เมืองต้องควบคุม14 วัน
พร้อมกันนี้ปฎิเสธตอบคำถาม จะใช้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่ควบคุม บอกเพียงว่า ขณะนี้กำลังเตรียมการ ท้ายสุดนึกอะไรไม่ออกบอกทหาร ไม่ต้องกลัว
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ทุกคนช่วยกัน รวมถึงเรื่องการรับฟังความเห็น ยืนยันตนรับฟังมาตลอด ดังนั้นตนขอเพียงเข้าใจรัฐบาลบ้าง และการแชร์ข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง บิดเบือนโทษแรงถึง 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท ขอให้ประชาชนระวังและอยากให้บ้านเมืองสงบสุข