'จิราพร' ซัด 'บิ๊กตู่' บริหาร ศก.ล้มเหลว หาเงินเข้าประเทศไม่เป็น คนจนกลายเป็นคนตาย
logo TERO HOT SCOOP

'จิราพร' ซัด 'บิ๊กตู่' บริหาร ศก.ล้มเหลว หาเงินเข้าประเทศไม่เป็น คนจนกลายเป็นคนตาย

TERO HOT SCOOP : จิราพร ซัด บิ๊กตู่ บริหาร ศก.ล้มเหลว หาเงินเข้าประเทศไม่เป็น ไม่เคยทำให้เห็นความเป็นผู้นำในวิกฤตไหนได้เลย อภิปรายไม่ไว้วางใจ

5,527 ครั้ง
|
25 ก.พ. 2563
'จิราพร' ซัด 'บิ๊กตู่' บริหาร ศก.ล้มเหลว หาเงินเข้าประเทศไม่เป็น ไม่เคยทำให้เห็นความเป็นผู้นำในวิกฤตไหนได้เลย 
 
วันที่ 25 ก.พ. 63 ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 2 นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เนื่องจากล้มเหลวในการบริหารประเทศ ไม่มีความสามารถ ส่งผลให้เศรษฐกิจพัง และไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ ไร้วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง จนถึงตอนนี้ยังไม่อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน "สิ่งที่เขาถามท่านไม่ได้ตอบ สิ่งที่ท่านตอบเขาไม่ได้ถาม"พยายามจะอ้างว่าเศรษฐกิจยังดีอยู่เอาGDPของประเทศไทยไปเทียบกับประเทศต่างๆ อย่างสิงค์โปร ญี่ปุ่น เยอรมัน และสหรัฐอเมริกา
 

ความผันผวนเศรษฐกิจโลกถูกภัยคุกคามต่างๆหลายประเทศได้รับผลกระทบ แต่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในภาวะแคสแลนดิ้งหรือเศรษฐกิจดิ่งลงเหว ซึ่งวิธีการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ที่ผ่านมาเปลี่ยนคณะผู้บริหารหลายครั้งตลอดระยะเวลา5ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยล้มเหลวไม่เป็นท่า

ดังนั้นการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ไร้ทิศทางที่ชัดเจนส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศล้มเหลวเห็นได้ชัดที่สุดก็ คือ การค้าของไทยกับประเทศต่างๆโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น การเจราการส่งออกรถยนต์ไปยังเวียดนาม ล้มเหลวจากการเจรากับประเทศอินโดนีเซียเพื่อยกเลิกมาตรการนำเข้าพืชสวนไม่สามารถปลดล็อกให้ลำไยและหอมแดงส่งไปยังอินโดนีเซียได้ การเจรจาขอโควตาข้าวจากเกาหลีทำให้ไทยเสียเปรียบได้โควตาข้าวน้อยกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญ อย่างจีน สหรัฐและเวียดนาม

ซึ่งพลเอกประยุทธ์เดินทางไปต่างประเทศเพื่อเจราทางการค้าและการลุงทุนไม่น้อยกว่า 50 ครั้งใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาท แต่การค้าไทยก็ไม่ได้กระตุ้นเพราะพลเอกประยุทธ์ไม่รู้จักวิธีเจรจาเพื่อหารายได้เข้าประเทศ

ในขณะที่ประชาชนวิตกกังวลกับภัยคุคามอย่างไวรัสโควิด-19 มีประเทศไทยที่ขายหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนแทนที่รัฐบาลจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแต่กลับหารายได้โดยการขายหน้ากากอนามัยให้กับประชานที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

ยุคที่พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีโรงงานไทยถูกปิดไปแล้วกว่า 1 หมื่นแห่งคนตกงานกว่า 3 แสนราย และเรื่องการตัดสิทธิ์ GSP การค้ากับสหรัฐอเมริกา จะทำให้คนไทยตกงานเพิ่มนับล้านคน นอกจากจะไม่ได้รับการแก้ไขแล้วยังนำพาประเทศล้มเหลวซ้ำซาก

นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ยังเจรจาขอซื้ออาวุธการสหรัฐอเมริกาและยังยอมรับเพื่อให้มีการเปิดตลาดเนื้อหมูให้กับสหรัฐอเมริกาหมูที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกานั้นเป็นหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงมีสารที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
ประชาชนไม่อาจทราบเลยว่าเมื่อเราบริโภคข้าวเหนียวหมูปิ้ง ชาบู หรือหมูกระทะสิ่งที่บริโภคจะมีสารอันตรายตกค้างหรือเปล่าเป็นการสร้างความเสียหายให้กับกรมปศุสัตว์อย่างมาก

ยังกล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เป็นรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารจึงไม่เป็นที่ยอมรับประชาคมโลก เป็นรัฐบาลที่ต้องการ การยอมรับจากนานาชาติเอาผลประโยชน์ประเทศชาติไปแลกเพียงเพื่อเข้าพบประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา

พลเอกประยุทธ์ จะไม่สามารถลบภาพนี้ออกจากประชนชนได้ เพราะท่านไม่ได้เป็นรัฐมนตรีของประชาชน 

"อย่ามาอ้างว่าถ้าประชาชนไม่เลือก แล้วจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร  เพราะพลเอกประยุทธ์ มาเป็นได้นายกรัฐมนตรีได้ เพราะกติกาถูกออกแบบมาเพื่อพวกท่าน ท่านแพ้การเลือกตั้ง แต่ชนะในกติกา ท่านแพ้ในคูหา แต่กติกาอุ้มท่านเป็นรัฐบาล และเมื่อท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมใจอยากแล้ว กลับบริหารประเทศให้เศรษฐกิจพังพินาศ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เคยบอกเอาไว้ว่าภายในปี 2561 คนจนต้องหมดหมดไปจากประเทศไทย ซึ่งเป็นความจริงอย่างที่พูดค่ะ คนจนค่อยๆ หมดไปจริงๆ เพราะคนจนกลายเป็นคนตาย ที่ฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจ"

ชีวิตในยุครัฐบาลนี้แค่ก้าวขาออกจากบ้านก็รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วมีอันตรายรอบตัว ทั้งฝุ่น PM2.5 ไวรัสโควิด-19 น้ำท่วม น้ำแล้ง กินหมูก็ไม่รู้จะเจอสารเร่งเนื้อแดงหรือเปล่า ไปเดินห้างก็เจอกระสุน หรือสุดท้ายอาจต้องตายเพราะพิษเศรษฐกิจ

อย่างนี้แล้วเรายังจะกล้าฝากชีวิตไว้กับคนไร้ความสามารถในการเป็นผู้นำ
ไร้วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจ อย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้หรือ