นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดใจเป็นครั้งแรกหลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ ยืนยันไม่ลงถนนการเมือง เดินหน้าให้ความรู้ประชาชนผ่านทางเฟสบุ๊กแทน ถามหา ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ อยู่ไหน ลั่นคุกไม่ได้น่ากลัว
วันที่ 12 ก.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดใจครั้งแรกที่บ้านพระอาทิตย์ หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษรู้สึกทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมระยะเวลาที่ติดคุก 2 ปี 11 เดือน 27 วัน
วันนี้นายสนธิ สวมเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงขายาวสีครีม พร้อมสวมแว่นตาดำ ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนที่มาให้กำลังใจ ก่อนกล่าวว่า ขอโทษที่ต้องสวมแว่นดำ เนื่องจากตาซ้ายบอดจากต้อหิน ส่วนตาขวาเป็นต้อกระจก พึ่งผ่านการลอกตาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ยังไม่ถึงเดือนแพทย์จึงให้ใส่แว่นตาดำ
โดยยืนยันว่า ชีวิตในเรือนจำตนอยู่อย่างเจียมเนื้อ เจียมตัว ไม่มีใครรังแก และยึดหลักธรรมพระพุทธเจ้าอยู่กับปัจจุบัน และที่ออกมาได้เพราะปาฏิหารย์ ตนไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่ตนได้รับจากในเรือนจำคือปรัญชา 2 ข้อ คือ มันก็เป็นอย่างนี้แหละ และแล้วมันจะผ่านไป
พร้อมกันนี้ยังกล่าวถึงสาเหตุที่ตนไม่หนี เพราะกำลังใจจากครอบครัว และผู้สนับสนุนรวมถึงบุคคลรอบข้าง ที่ตนอยากให้เขาเหล่านั้น เดินเชิดหน้าได้อย่างสง่าผ่าเผย ทั้งนี้ตนยังรู้สึกเสียใจที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ไม่ยอมไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา เพราะการติดคุกไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพียงแต่ต้องยอมรับว่าเราเป็นนักโทษ และต้องปฏิบัติตาม ตนได้ชดใช้กรรมของตนทุกเม็ดทุกวินาทีแล้ว
พร้อมถามหานายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าอยู่ที่ไหน คุกไม่ได้น่ากลัว โดยตนเอง ขอชื่นชม พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่มีความจริงใจ ในการแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง
นายสนธิ กล่าวถึงบทบาทของตนหลังจากนี้ว่า ตนเองจะเดินหน้าให้องค์ความรู้กับคน ผ่านทางเฟซบุ๊ก 'สนธิ ลิ้มทองกุล' และยืนยันจะไม่มีการประท้วงเดินตามถนนเหมือนที่ผ่านมา เพราะตนมองว่ามันไม่ใช่ และด้วยอายุที่กำลังจะครบ 72 ปีด้วย ทั้งนี้มองว่า รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่เคยเปลี่ยนแปลง นักการเมืองยังคงเหมือนเดิม
ตนพร้อมสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และอยากขอให้นายกรัฐมนตรีตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง เอาประเทศเป็นที่ตั้ง ไม่เล่นพวกพ้อง อย่าไปรังเกียจเขา และอยากให้สังคมยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ตนไม่อยากเห็นคนทะเลาะกัน รวมทั้งเห็นใจคุณช่อที่มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง แต่ความคิดก้าวล้ำเกินไป
ขณะนี้ตนเอง ถือว่าเป็นเพียงผู้เคยต้องโทษ และคดีความของตน เหลือเพียงคดีเดียว คือ คดีบุกยึดสนามบิน ที่ยังต้องต่อสู้ต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม