วันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ร่วมกันจับกุม นายเพชร หูกขุนทด อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ จ.56/2562 ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม 2562 โดยกล่าวหาว่า กระทำผิดฐาน “ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ซึ่งต้องช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) และขับขี่รถจักรยานยนต์โดยผิดกฎหมาย”
และ น.ส.ลลิตา คงสวัสดิ์ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ จ.62/2562 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 โดยกล่าวหาว่า กระทำผิดฐาน “ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องรับโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม” ซึ่งสามารถจับกุมได้บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นอพาร์ทเม้นท์ ย่านบางขุนเทียน กทม.
โดยก่อนจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้รับการประสานจาก สถานีตำรวจภูธรด่านขุนทด ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งได้หลบหนีการถูกคุมขังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรด่านขุนทด จว.นครราชสีมา ได้มีการจับกุมตัว นายเพชร หูกขุนทด พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 124 เม็ด ในความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์โดยผิดกฎหมาย”
และในระหว่างที่ควบคุมตัวในชั้นจับกุมอยู่ที่ สภ.ด่านขุนทดนั้น ได้มี น.ส.ลลิตา คงสวัสดิ์ ซึ่งเป็นภรรยาของนายเพชร ได้เข้ามาเยี่ยมตามปกติ แต่ปรากฎว่าระหว่างที่เข้ามาเยี่ยมนั้น นายเพชร และ น.ส.ลลิตา ได้แอบส่งสัญญาณและเตรียมการณ์วางแผนเพื่อที่จะหลบหนีการควบคุมตัวดังกล่าว จนกระทั่งต่อมาเวลาประมาณ 03.00 ขอองวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกำลังนำตัวนายเพชร ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ด่านขุนทด นายเพชร ได้ส่งสัญญาณให้ น.ส.ลลิตา เพื่อให้ไปเตรียมรถจักรยานยนต์อยู่บริเวณด้านนอก เมื่อได้จังหวะและโอกาส นายเพชร จึงวิ่งหลบหนีการควบคุมตัวจนหลุดพ้นการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ไปขึ้นรถจักรยานยนต์ซึ่ง น.ส.ลลิตาฯ ได้เตรียมไว้รอและหลบหนีไป
เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองได้ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวนติดตามข่าวสารเกี่ยวกับตัวผู้กระทำผิดทั้งสองคน จนสืบทราบว่า ผู้กระทำผิดทั้งสองคนได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณอพาร์ทเม้นท์ ย่านบางขุนเทียน กทม. จึงทำการเข้าจับกุมตัวผู้กระทำผิดทั้งสองคนได้ในเวลาต่อมา
ภายหลังการจับกุม นายเพชร และ น.ส.ลลิตา ได้รับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง และน.ส.ลลิตา รับว่า ตนได้คบกับนายเพชร มาเป็นเวลา 5 ปี และตนรู้สึกรักนายเพชรมาก เนื่องจากทั้งสองได้มีบุตรร่วมกัน จำนวน 1 คน และจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงดูบุตรของตน ไม่อยากให้ภาระการเลี้ยงลูกตกไปอยู่กับญาติของตนด้วย จึงได้ตัดสินใจวางแผนร่วมกันกระทำผิดดังกล่าวขึ้น จากนั้นจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ด่านขุนทด จว.นครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม