กรณีทหารเกณฑ์ถูกครูฝึกลงโทษโหดถึง 6 รอบ ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยัน 4 โมงเย็น ทั้งเอาโทรศัพท์ตบหน้า จับนอนพื้นใช้บ้องไม้ไผ่ยาว 1 ศอก ตีก้นจนฟกช้ำ จับหัวกดถาดข้าว ใช้มีดปลายปืนจี้กดลงที่ไหล่ หลังถูกจับได้แอบเล่นโทรศัพท์มือถือ ทนเจ็บไม่ไหวหนีออกจากค่าย เข้าร้องกองปราบปรามดำเนินคดีแล้ว เรียกร้องให้กองทัพอากาศออกมาชี้แจง
(9 ก.ค.62) วันนี้ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้พาครอบครัวของทหารเกณฑ์รายนี้ เข้าร้องกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับครูฝึกและผู้ช่วยครูฝึก ที่ลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง ส่วนที่ไม่ไปแจ้งที่ สน.ดอนเมือง เจ้าของพื้นที่ อาจถูกทหารแทรกแซงและนำตัวเข้ากรม และไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะการเข้าแจ้งความในวันนี้ ก็มีทหารมาดักรอหน้าบ้าน เพื่อรอรับตัว จึงอยากให้ทหารอากาศต้นสังกัดชี้แจงการใช้ไม้เฆี่ยนตีว่าเป็นหนึ่งในหลักสูตรการฝึกหรือไม่ เพราะอยู่ในหลักสูตรก็จะไม่สามารถแจ้งความเอาผิดทางอาญาได้ แต่ถ้าไม่อยู่ก็จะแจ้งความเอาผิดในข้อหาทำร้ายร่างกาย
ทั้งนี้ ผ่านมากว่า 1 สัปดาห์ อาการของทหารเกณฑ์ยังมีร่องรอยฟกช้ำ ไม่สามารถเดินหรือนั่งได้ตามปกติ และยังต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่องซึ่งทหารเกณฑ์ บอกว่า ตนเองสมัครเป็นทหารอากาศสังกัดหนึ่ง โดยได้เข้าค่ายฝึกตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 2 กรกฏาคม ถูกผู้ช่วยครูฝึกจับได้ว่า แอบเล่นโทรศัพท์มือถือนอกเวลาที่กำหนด ครูฝึกจึงเรียกคุยและลงโทษโดยการใช้มือตบหน้า 3-4 ครั้ง และเตะ จากนั้นก็เอาโทรศัพท์มาตบหน้าหลายครั้ง คุยไปตบไป แล้วให้ตนนอนกับพื้นใช้บ้องไม้ไผ่ยาว 1 ศอก พันด้วยเทปใสกระหน่ำตีไปที่ก้นอย่างแรง 3-4 ครั้ง ตนไม่กล้าขัดขืนได้แต่นอนร้องไห้ โดยไม้ไผ่นั้นทางครูฝึกทำขึ้นมา เพื่อใช้ลงโทษทหารเกณฑ์ที่แหกกฎก่อนทานข้าวครูฝึกคนเดียวกันก็นำไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ มาฟาดที่ก้นของตนอีก 3 ครั้ง ระหว่างกินข้าวก็กดหัวของตนลงจานข้าวแล้วตบหัว จากนั้นผู้ช่วยครูฝึก ก็บอกให้เพื่อนของตนนำถาดข้าวไปเก็บแล้วดึงกางเกงในลากตนไปที่โต๊ะครูฝึก มีผู้ช่วยครูฝึกอีกคนกระโดดตบหัวจนหมวกหลุดจากศีรษะจากนั้นครูฝึกคนเดียวกันก็บังคับให้นอนลงกับพื้น ใช้บ้องไม้ไผ่ฟาดซ้ำไปที่ก้นอีกหลายที ใช้เท้าถีบใบหน้า หลัง และหน้าอก ระหว่างฝึกตอนเย็นก็ถูกตีอีกครั้ง และตอนกลางคืนโดนมีดปลายปืนจี้กดลงที่ไหล่ซ้าย โดยครูฝึกขู่ว่า "ถ้ามึงหนีออกมาเจอกูแน่" แต่ตนทนเจ็บไม่ไหว ตอนกลางคืนจึงหนีออกจากค่ายกลับบ้านไปหาครอบครัว ไม่กล้ากลับเข้าไปในค่ายอีก กลัวโดน ทำร้ายซ้ำ
ขณะที่บิดาของทหารเกณฑ์ ยอมรับว่าลูกทำผิดจริง แต่ไม่ควรลงโทษรุนแรงขนาดนี้ กังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกชาย เนื่องจากตัวลูกชายสมัครเข้าเป็นทหาร 1 ปี หลังจากนี้ต้องกลับเข้ากรม ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัยได้ กรณีนี้หากไม่หนีออกมา ก็คงไม่ได้มาแจ้งความที่นี่ และหากลูกของตนเป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบ อยากให้ต้นสังกัดทำการสวบสวนเรื่องนี้ ลูกคนอื่นจะได้ไม่ต้องโดนทำร้ายเหมือนลูกของตน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม