ตายายเสียความรู้สึกที่ถูกหลอกใช้บัตรพลังงาน เจอบัตรเมื่อไหร่ขอทำลายทิ้งทั้งหมด แต่ขอบคุณบริษัท ที่ทำให้ตาสว่าง ส่วนตัวแทนขาย ปิดบ้านเงียบหาย ขณะที่ทางด้านคดียังไม่มีชาวบ้านคนใดเข้าแจ้งความ พร้อมกันนี้หลานสาวตายายผู้ที่มาเปิดเผยข้อมูลวอนหยุดด่า ตั้งใจทำเพื่อสังคมหากเป็นเรื่องหลอกลวง
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านศาลาดิน ม.7 ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น พบนายเขียน ชาวบ้านที่เข้าร่วมอบรมการใช้บัตรพลังของบริษัทตัวแทนบริษัท เอ็กซ์เพิร์ทโปร เน็ทเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทการ์ด ที่อ้างว่าเป็นบัตรพลังงาน มีสรรพคุณในการรักษาโรค โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อยต่างๆ ตามร่างกาย
นายเขียน เปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือนที่ผ่านได้เข้ารับฟังการอบรมการใช้บัตรพลังงานและทดลองใช้ ในช่วงที่บริษัทมาทำการประชุมที่อ.เขาสวนกวาง โดยการใช้บัตรพลังงานแปะที่เข่า ที่มีอาการปวดมานาน แปะไว้ประมาณ 40 นาที รู้สึกดีขึ้นมา เดินไปมาสะดวกและคล่องตัวขึ้น กลับมาถึงบ้านจึงเล่าให้นางทองสี ผู้เป็นภรรยาฟัง และคิดว่าน่าจะช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและน้ำในหูของภรรยาได้ จึงขอเงินจากภรรยาจำนวน 1,500 บาท ไปซื้อบัตรพลังงานจากตัวแทนจำหน่ายในหมู่บ้านมาให้ภรรยาใช้ โดยภรรยาใช้บัตรดังกล่าวประมาณ 15 วัน อาการดีขึ้นมาก น้ำในหูที่เคยไหลก็หายไป จึงใช้มาเรื่อย กระทั่งหลานสาวมาจากกรุงเทพฯมาพบบัตรดังกล่าว พบเห็นการใช้บัตร จึงมีการพูดคุยกันว่าบัตรดังกล่าวเป็นบัตรพลังงานที่ช่วยรักษาโรคและบรรเทาอาการปวดได้จริงหรือไม่ หลานสาวจึงนำบัตรไปให้สื่อมวลชนทำการตรวจสอบ จนกระทั่งมีการเผยแพร่ข่าวทางสื่อมวลชนและทราบว่าเป็นบัตรธรรมดา ไม่มีการรักษาโรคใดๆ ต้องขอบคุณบริษัทที่ทำบัตรออกมา ทำให้ชาวบ้านตาสว่าง และถ้าบัตรยังอยู่กับตัวเองจะสับและเผาไฟทิ้งทันที และเมื่อบริษัททำเช่นนี้ก็ให้รับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง ถ้าผิดก็ควรหยุด แต่ถ้าคิดว่าการกระทำดีแล้วก็ขอให้เจริญก้าวหน้า
ขณะที่นางทองสี กล่าวว่า ทราบแล้วว่าบัตรที่จุ่มน้ำ หรือรองแก้วน้ำดื่มนั้นเป็นบัตรธรรมดา ไม่ใช่บัตรพลังงานหรือบัตรรักษาโรค และรู้ว่าถูกหลอก แต่คงไม่แจ้งความเอาผิดใคร เพราะตัดสินใจซื้อจากตัวแทนเอง และจะขอเก็บบัตรดังกล่าวไว้เป็นที่ระลึกที่ได้จ่ายเงินซื้อมา และไม่ถือโทษโกรธใคร คิดว่าใครทำไม่ดี ผลก็จะตกกับคนคนนั้น
ทางด้านหลานสาวของนายเขียนและนางทองสี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทำงานในกรุงเทพมหานคร ขณะกลับมาเยี่ยมบ้าน ตายายได้เอาบัตรพลังงานมาให้ดูและปรึกษาว่า บัตรนี้รักษาโรคได้จริงหรือไม่ เพราะซื้อมาในราคา 1500 บาท จึงได้สอบถามที่มาที่ไปของบัตรดังกล่าว และได้สอบถามกับตัวแทนขายในหมู่บ้าน ซึ่งทุกคนบอกว่าเป็นบัตรพลังงานจริง มีการปลุกเสกที่วัดป่าคำชะโนดจนมีพลัง ก็รู้สึกเอะใจ จึงกลับมาขอบัตรจากตายาย เอาไปให้เพื่อนนำไปตรวจสอบ กระทั่งสื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าวออกมาว่าบัตรไม่สามารถรักษาโรคได้ มิหนำซ้ำยังถูกหลายคนด่าทอเสียๆหายๆว่ามายุ่งเรื่องนี้ทำไม ทำให้เกิดความยุ่งยากในหมู่บ้านจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่เมื่อรู้ว่าบัตรไม่มีคุณสมบัติตามคำบอกเล่า ก็รู้สึกโล่งใจ เพราะคิดว่าหากบัตรดีก็คงมีการรับรองทางการแพทย์ ถ้าไม่ใช่ก็เป็นการช่วยชาวบ้านที่ยังหลงเชื่อให้ได้เข้าใจกันว่า บัตรที่ใช้เป็นเพียงบัตรธรรมดา ไม่ใช่บัตรพลังงาน ก็อยากให้ลูกหลานช่วยกันดูแลพ่อแม่ ตายายขอตัวเอง อย่าหลงเชื่อและอย่าใช้บัตรดังกล่าวอีก และวอนคนที่เคยด่าให้หยุดด่าแล้วกลับไปทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ส่วนความเคลื่อนไหวของตัวแทนจำหน่ายบัตรในหมู่บ้านขณะนี้ แต่ละคนหายหน้าออกจากหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านต่างพูดกันว่า ประธานบริษัทมารับตัวแทนไปดูงานและท่องเที่ยวเป็นเวลา 3 เดือน จึงจะส่งตัวกลับมาที่บ้าน เช่นเดียวกับที่บ้านของนายทวี เพียอินทร์ คนขายบัตรให้ชาวบ้าน ก็ปิดบ้านเงียบ ซึ่งญาติบอกว่า ออกจากบ้านไปนานแล้ว โดยไม่ทราบว่าเดินทางไปที่ใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม