หมวย บุษราคัม คัมแบ็ก ! ใช้ความสวยยั่วยวนเหยื่อในแอปฯ หาคู่ หลอกให้หลงรักแล้วอ้างว่ามีปัญหาเรื่องการเงิน แต่อยากมีรถเพื่อไปใช้ทำธุรกิจ ทำให้เหยื่อจำนวนมากหลงเชื่อดาวน์รถให้ จากนั้นก็นำรถหนีหายไปจนติดต่อไม่ได้อีก คาดว่ามีการทำเป็นขบวนการ เนื่องจากผู้เสียหายหลายรายถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน
วันที่ 8 มิ.ย. 66 คุณพิเชษฐ์ บูรณสรรค์ (หุ้น) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ตนเจอหมวยในแอปฯ หาคู่ โดยฝ่ายหญิงทักมาหาก่อน คุยกันประมาณ 3-4 วัน นอกจากนี้ยังคุยกันผ่านวิดีโอคอล ฝ่ายหญิงบอกว่ามีปัญหาด้านการเงิน อยากจะซื้อรถแต่ซื้อไม่ได้ จึงออกอุบายหลอกล่อให้ตนซื้อรถให้
จากนั้นตนได้ยื่นเอกสารขอกู้ซื้อรถ โดยฝ่ายหญิงเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด แถมยังออกเงินดาวน์รถให้ด้วย ที่ตนกล้าให้เอกสารไปเพราะคิดว่าคงไม่ผ่านไฟแนนซ์ เนื่องจากมีภาระผ่อนหลายอย่างเช่นกัน แต่ผลสรุปว่าไฟแนนซ์ผ่าน จึงออกรถให้หมวย บุษราคัม ทั้งหมด 2 คัน ราคารวมกัน 2,100,000 บาท วันรับรถหมวย บุษราคัม พาญาติมาอีก 2 คนอ้างว่าเป็นอา ตนได้ไปรับรถกับอาผู้ชาย ส่วนหมวยรออยู่ที่ห้างสรรพสินค้า หลังจากนั้นตนได้ให้รถกับหมวยไปใช้ และไม่เคยเห็นรถ 2 คันนี้อีกเลย
คุณอดิศักดิ์ พุฒธา (ตี๋) ผู้เสียหาย เล่าต่อว่า ตนเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน คือเจอหมวย บุษราคัม ผ่านแอปฯ หาคู่ และอ้างว่ามีปัญหาด้านการเงิน แต่อยากซื้อรถ หมวยออกอุบายให้ตนช่วยยื่นกู้รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ให้ บอกว่าจะใช้ไปทำงาน ทำธุรกิจส่งสินค้าขายออนไลน์ โดยใช้วิธีการทุกอย่างเหมือนกับที่คุณหุ้นโดน หลังจากรู้ตัวว่าถูกหลอก ตนจึงค้นหาดูจึงพบว่าผู้หญิงคนนี้คือ หมวย บุษราคัม ที่เคยเป็นข่าว
คุณบุญยง แซ่ท้าว (ยง) ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนก็โดนหมวย บุษราคัม หลอกในลักษณะเดียวกันกับทั้งสองคน นอกจากรถยนต์กับมอเตอร์ไซค์ที่ถูกหลอกเอาไปแล้ว ยังมีการโอนเงินค่าห้อง และถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อหวังได้รถคืน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,089,000 บาท คุณหุ้นเล่าเสริมว่า หลังจากที่ถูกหลอกตนได้พยายามติดตามขอรถคืน แต่ถูกหมวย บุษราคัม ท้าทายว่าให้ไปฟ้องเอา
คุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ยืนยันว่าผู้เสียหายทั้งสามคนถูก หมวย บุษราคัม ตัวจริงหลอก พบว่าผู้ก่อเหตุทำแบบนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน อยากจะกำชับตำรวจว่าควรรับแจ้งความ เพราะมีการทำเป็นขบวนการ ผ่านมาแล้วหลายปีก็ยังเกิดเหตุซ้ำอีก เป็นเพราะความไม่ใส่ใจของตำรวจที่ไม่รับแจ้ง พร้อมฝากถึงผู้ที่ถูกหลอกว่าควรรวบรวมหลักฐานให้เยอะที่สุดแล้วไปแจ้งความ
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม แนะนำว่าผู้เสียหายควรแจ้งความแยกส่วนกันไป เช่น คดีฉ้อโกง คดีลักษณะนี้จะมีความยุ่งยากในการแจ้งความเรื่องเอกสารจากไฟแนนซ์ เชื่อว่าผู้ก่อเหตุรู้วิธีการเป็นอย่างดี ทำให้ผู้เสียหายไม่รู้วิธีการแจ้งความเอาผิด จึงกลายเป็นคดีที่ไม่สามารถจับคนร้ายได้ ดังนั้นตำรวจควรที่จะช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ประชาชน พร้อมแนะนำประชาชนว่าอย่านำชื่อของตัวเองไปซื้อรถให้คนอื่นผ่อนเด็ดขาด
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35