เลขา ป.ป.ส ยืนยันไม่ได้มีการกลั้นแกล้งองค์กรใด เพียงแต่ทำตามขั้นตอนกฎหมาย ในการตรวจสอบบุคคลหรือองค์กรเอกชน ที่มีการครอบครองกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ไม่มีนัยะทางการเมือง ย้ำ การไม่แจ้งขอครอบครองและผลิตสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ผิดกฎหมายทั้งสิ้น
วันที่ 8 เม.ย. 62 นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุถึง กรณีการเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร จังหวัดสุพรรณบุรี ทหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 7 ได้จับกุมตัวเจ้าหน้าที่มูลนิธิขวัญข้าวไว้ ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย 62 และได้ออกหมายเรียก นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เนื่องจากเชื่อว่าการมีกัญชาไว้ในครอบครองนั้น เป็นไปเพื่อเป็นการค้นคว้าและรักษาผู้ป่วย
เบื้องต้น มาจากการเผยแพร่การแพร่ภาพและเนื้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีการแจกน้ำมันสารสกัดจากกัญชาให้กับประชาชน เพื่อนำไปใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วย ภายในวัดที่จังหวัดพิจิตรและจังหวัดลพบุรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีการนำสารสกัดจากกัญชามาแจกให้กับประชาชนจริง โดยผู้นำมาแจกมาจากมูลนิธิแห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชนว่ากัญชายังคงเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย การผลิต จำหน่าย ครอบครอง ต้องได้รับอนุญาต ประชาชนทั่วไปไม่สามารถปลูกกัญชาเองได้
โดย เลขาธิการ ป.ป.ส ยืนยันว่า การเข้าตรวจสอบดังกล่าว ไม่ได้มีการกลั้นแกล้ง และเจาะจง แต่เนื่องจากผลการจับกุมครั้งนี้มาจากการที่มูลนิธิดังกล่าวโพสต์ข้อความ เพื่อแจกให้กับประชาชน จึงได้เข้าตรวจสอบ และดำเนินคดี ตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ซึ่งเบื้องต้น พบว่า ยังไม่มีหลักฐานที่ทางมูลนิธิฯ ยื่นขออนุญาต และจดแจ้งการครอบครองกัญชากับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยระหว่างนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับทางมูลนิธิฯ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสอบสวน
เลขา ป.ป.ส ย้ำว่า ขณะนี้มีเพียง 2 หน่วยงาน ที่มายื่นขออนุญาตและครอบครองกัญชาทางเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพียง 2 แห่งเท่านั้น คือ องค์การเภสัชกรรม และ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณาสุข โดยยังไม่มีบุคคลใดยื่นขออนุญาต ซึ่งการผลิต นำเข้า ส่งออกและจำหน่าย กัญชา ทางการแพทย์ภายใน 5 ปี กฎหมายตีกรอบไว้ว่า ต้องเป็นหน่วยงานรัฐเท่านั้นหรือเป็นนิติบุคคล หรือต้องทำร่วมกับภาครัฐ
+ อ่านเพิ่มเติม