เกิดเหตุชายปีนเสาส่งสัญญาณ เพื่อปิดป้ายประกาศกรณีสูญเงินจากบัญชีมากกว่า 8 ล้านบาท อ้างเพื่อนถูกปลอมเพื่อนเซ็น ต่อสู้ขอเงินคืนจากธนาคารมากว่า 10 ปี ไม่เป็นผล
กว่า 4 ชั่วโมง ที่นายเอกวิชญ์ เกษเจริญ นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ได้ปีนขึ้นไปบนเสาส่งสัญญาณ บริเวณเลียบทางด่วน งามวงศ์วาน เพื่อติดป้ายเรียกร้อง หลังเมื่อช่วงปลายปี2551 โดยอ้างว่า ถูกเพื่อนสนิทปลอมลายมือชื่อ ใบมอบฉันทะ ไปถอนเงินจากธนาคาร สาขาปากน้ำโพ ในอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 8,377,371 บาท ซึ่งในครั้งนี้ก็ได้นำป้ายข้อความระบุจำนวนเงิน ที่สูญไป ขึ้นไปแขวนยึดติดกับเสาส่งสัญญาณ เพื่อเป็นการเรียกร้องต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมกับถ่ายทอดสด ผ่านบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว ตลอดเวลาที่อยู่บนเสาส่งสัญญาณ กระทั่งผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี เข้าตรวจสอบเหตุและขอให้ลงมาด้านล่าง โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปช่วยปลดล็อคอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยพร้อมกับปลดป้ายข้อความให้ ก่อนจะลงมาด้านล่างด้วยความปลอดภัย
นายเอกวิชญ์ เปิดเผยหลังลงมาถึงด้านล่าง ว่า คดีการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นกับธนาคารนั้น ศาลชั้นต้น และ ชั้นอุทธรณ์ ยกฟ้อง ซึ่งก็ยอมรับ เคารพคำตัดสินศาล แต่การเรียกร้องตลอด10 ปีที่ผ่านมา ต้องการให้ธนาคารรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในกระบวนการตรวจสอบเอกสาร ข้อมูล ประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้า โดยเฉพาะการตรวจสอบการทำหน้าที่จองพนักงานธนาคารผู้ดำเนินธุรกรรม อีกทั้งก่อนหน้านี้ พฐ.ยืนยันผลตรวจแล้วว่า เป็นลายเซ็นต์ปลอม และธนาคารเองยังไม่ได้ให้คำชี้แจงในกรณีนี้ ว่าจะดำเนินการแก้ไขอย่างไร พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นกระบวนการร่วมกันฉ้อโกงหรือ ไม่เนื่องจากเพื่อนสนิทผู้ปลอมลายมือชื่อ ขอเบิกเงินออกไป เพื่อโอนใช้หนี้ธนาคาร เดียวกันนั้นเอง สำหรับกรณีนี้ นายเอกวิชญ์ ฟ้องร้องธนาคารต่อศาล ซึ่งศาลขั้นต้นมีคำตัดสินเมื่อปี2560 ยกฟ้อง และ ศาลอุทธรณ์ มีคำตัดสิน ปี 2561 พิพากษายืนตามศลชั้นต้น และนายเอกวิชญ์ ยื่นฎีกาสู้คดีต่อ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา