'ไฮโซบอส' ยังไม่เข้าพบตร. หลังซิ่งรถหรูชนเสาไฟ ริม ถ.วิภาวดี  อ้างบาดเจ็บ
logo ข่าวอัพเดท

'ไฮโซบอส' ยังไม่เข้าพบตร. หลังซิ่งรถหรูชนเสาไฟ ริม ถ.วิภาวดี อ้างบาดเจ็บ

ข่าวอัพเดท : ไฮโซบอส-กิตติพล อดีตคนรู้ใจนางเอก หลังซิ่งรถหรูชนเสาไฟ ริมถนนวิภาวดีได้รับบาดเจ็บ ยังไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน อ้างยังมีอาการบาดเจ็บ ไฮโซบอส,ซิ่งรถหรู,ชนเสาไฟ

5,823 ครั้ง
|
09 ก.พ. 2562
ไฮโซบอส-กิตติพล อดีตคนรู้ใจนางเอก หลังซิ่งรถหรูชนเสาไฟ ริมถนนวิภาวดีได้รับบาดเจ็บ ยังไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน อ้างยังมีอาการบาดเจ็บ
 
สืบเนื่องจากกรณีที่ นายกิตติพล ประเสริฐโสภา อายุ 28 ปี หรือ 'ไฮโซ บอส' อดีตคนรู้ใจนางเอกสาวชื่อดัง ขับรถบีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 325 ไอ สีขาวชนอัดก๊อปปี้เข้ากับเสาไฟ สภาพหน้ารถพังยับเยิน นอกจากนี้ยังพบแท่งปูนและแผงกั้นไหล่ทางถูกชนได้รับความเสียหายด้วย ขณะที่นายกิตติพลได้บาดเจ็บที่แขนเพียงเล็กน้อย และถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด ขณะที่มารดาของ นายกิตติพลหรือบอส ได้เดินทางมาเยี่ยมดูอาการก่อนที่จะรับตัวกลับไป 
 
โดยล่าสุด พันตำรวจโทประทีป กาวิน สารวัตรสอบสวน สน.วิภาวดี เปิดเผยความคืบหน้าของคดีที่หนุ่มซิ่งรถหรู ชนขอบทางริมถนนวิภาวดี-รังสิต ว่า เบื้องต้นได้โทรศัพท์ไปหายังมารดาของนายกิตติพล โดยได้รับแจ้งว่าทางนายกิตติพล ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ยังไม่สามารถเข้าให้ปากคำได้ และไม่ได้ระบุด้วยว่าจะเข้ามาให้ปากคำในวันไหนอย่างไร ทั้งนี้จากการสอบถามผู้เป็นมารดานายกิตติพล เบื้องต้นทราบเพียงว่า นายกิตติพล กำลังขับรถกลับบ้านพัก ย่านแคราย 
 
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า นายกิตติพล มีอาการมึนเมาสุรานั้น ยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบแต่อย่างใด เนื่องจากเมื่อ นายกิตติพล ถูกนำตัวส่งไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแล้วทางญาติก็มารับตัวกลับไป ทั้งนี้ทางการตรวจร่างกายรักษาของแพทย์จะทำการตรวจรักษาเพียงภายนอกเท่านั้น หากจะต้องเจาะเลือดมาตรวจก็จะต้องได้รับการยินยอมจากคนไข้ หรือ ผู้ป่วยก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้มีการเก็บผลการเจาะเลือดเพื่อมาตรวจหาแอลกอฮอล์ในเลือดแต่อย่างใด 
 
อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุอีกครั้ง และประสาน นายกิตติพล เข้ามาสอบปากคำอย่างละเอียดและดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุด ปรับ 1,000 บาท