จากกรณีที่ เมื่อช่วงวันที่ 19 กันยายน 2561 เกิดเหตุตำรวจสภ.บ้านโป่ง ใช้เท้าถีบรถมอเตอร์ไซค์จนเป็นเหตุให้เด็กอายุ16 ปี เสียชีวิต และมีเด็กอายุ 13 ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมานานกว่า 5 เดือน คดียังไม่มีความคืบหน้าครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจึงเข้าร้องกองปราบเพื่อขอความช่วยเหลือ ส่วนร่างเด็กชายอายุ 16 ปีที่เสียชีวิตครอบครัวยังคงไม่เผาเพื่อรอความเป็นธรรมให้แก่บุตรชาย
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนางจารีย์ มูลมะณี แม่เด็กอายุ16ปีผู้เสียชีวิต และนายนัฐวุฒ สุธาพจน์ บิดาของเด็กอายุ14 ปีผู้ได้รับบาดเจ็บขาหัก เข้าร้องเรียนยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พลตำรวจตรีจิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม
โดยนางจารีย์ แม่ของเด็กชายอายุ 16 ปี ที่เสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวระบุว่า หลังเกิดเหตุได้มีการพยายามจะแจ้งความเอาผิดกับตำรวจคนที่เป็นผู้ถีบรถจักรยานยนต์ของลูกชาย แต่ตำรวจเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุไม่ยอมรับลงคดี และลงบันทึกประจำวันเป็นเพียงอุบัติเหตุขี่รถจักรยานยนต์พุ่งชนกำแพง ซึ่งไม่ได้มีการระบุถึงการถีบ ทั้งไที่ตัวของผู้บาดเจ็บที่เป็นเด็กชายอายุ 13 ปี ที่ซ้อนท้ายมาด้วย ยืนยันชัดเจนว่ามีการถีบจนทำให้เสียหลักล้มจริง ซึ่งในส่วนของตำรวจที่ก่อเหตุอ้างแต่เพียงว่าได้ยินเสียงท่อรถของผู้ตายดังจึงขี่รถจักรยานยนต์มาเรียกให้จอด แต่ผู้ตายไม่ยอมจอด และขี่หนีจึงขี่ไล่ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ลูกชายไม่ยอมจอดรถให้ตรวจ จากการที่ครอบครัวสอบถามน้องอายุ 13 ปี บอกว่าสาเหตุที่ลูกชายไม่ยอมจอดเพราะกลัวโดนจับในเรื่องของท่อดังเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีการกระทำผิดในเรื่องอื่นๆ ทางครอบครัวจึงยังไม่มีการดำเนินการกับศพของลูกชายตามพิธีทางศาสนา เพราะคืดว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเวลาได้ผ่านมานานกว่า 5 เดือนแล้ว
ทนายรณรงค์ ระบุว่า นอกจากนี้ทางครอบครัวยังได้พยายามเข้าร้องต่ออัยการจังหวัด จนมีการกลับไปให้การเพิ่มเติมที่ โรงพักบ้านโป่ง แต่ก็กลับเป็นเพียงการท้าทายจากตำรวจที่ก่อเหตุให้สาบานกันว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือถีบตามคำอ้างของผู้บาดเจ็บ และสุดท้ายก็ไม่ได้มีการลงคดี และไม่มีการส่งเรื่องไปยัง ปปช. ทั้งๆที่ความผิดลักษณะนี้ต้องส่งเรื่องให้ ปปช. พิจารณาว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหรือไม่
ขณะที่ในส่วนการช่วยเหลือของทางตำรวจกับทางครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ก็ไม่ได้มีการช่วยเหลือใดๆ มีแต่แจ้งกับทางครอยครัวว่า จะช่วยเหลือให้ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับเงินช่วยเหลือจาก พ.ร.บ. มากขึ้นจากเดิมหากเป็นผู้ขับขี่จะได้รับเงินช่วยเหลือ 30,000 บาทแต่ถ้าเป็นคนสอนจะได้รับเงินช่วยเหลือมากถึง 300,000 บาทซึ่งทางตำรวจที่ก่อเหตุเสนอจะเป็นผู้สลับชื่อผู้ขับขี่รถในวันเกิดเหตุให้โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือด้านเงินเยียวยาให้ได้มากกว่าปกติ แต่ทางครอบครัวไม่ยินยอมเพราะตัวน้องอายุ 13 ปีขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่เป็นและไม่อยากโกหก ในวันนี้จึงเดินทางมาร้องยังกองปราบปรามเพื่อขอให้ช่วยเข้ามาดำเนินคดีนี้เนื่องจากในพื้นที่ไม่ให้ความเป็นธรรม
+ อ่านเพิ่มเติม