รพ.พระราม 2 เตรียมเอาผิดสื่อที่เสนอข่าวบิดเบือน ย้ำได้มาตรฐาน เผยรอผลการตรวจสอบ 19 พ.ย.นี้
logo ข่าวอัพเดท

รพ.พระราม 2 เตรียมเอาผิดสื่อที่เสนอข่าวบิดเบือน ย้ำได้มาตรฐาน เผยรอผลการตรวจสอบ 19 พ.ย.นี้

ข่าวอัพเดท : โรงพยาบาลพระราม 2 แถลงข่าวเตรียมเอาผิดดำเนินคดีกับสื่อที่เสนอข่าวบิดเบือนความจริงทำให้โรงพยาบาลเสียหาย เพราะความจริงทั้งหมดได้ส่งให้ รพ.พระราม 2,เสนอข่าวบิดเบือน,มาตรฐาน,โรงพยาบามพระราม2

1,883 ครั้ง
|
15 พ.ย. 2561
โรงพยาบาลพระราม 2 แถลงข่าวเตรียมเอาผิดดำเนินคดีกับสื่อที่เสนอข่าวบิดเบือนความจริงทำให้โรงพยาบาลเสียหาย เพราะความจริงทั้งหมดได้ส่งให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว ให้รอผล 19 พฤศจิกายนนี้ พร้อมยืนยันโรงพยาบาลได้มาตรฐานไม่งั้นคงไม่เปิดมานานกว่า 20 ปี
 
(15 พ.ย.61) นายสุรพัศ ประภาพร ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจทางกฎหมายของทางโรงพยายาลพระราม2 พร้อมด้วยแพทย์หญิงวัลลภา ไชยมโนวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระราม 2 แถลงข่าว โดยทางทนายได้รับมอบหมายให้ทำงานในวันนี้เป็นวันแรก พร้อมระบุว่าหลังจากที่สื่อแขนงต่างๆ ได้มีการนำเสนอข่าวสารออกไปในลักษณะที่มีความบิดเบือน กล่าวหาว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้ดูแลผู้ป่วย ซึ่งทางโรงพยาบาลขอยืนยันว่า ทำตามขั้นตอนถูกต้องตามที่แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังคงพบว่าสื่อและบุคคลบางส่วนยังคงนำเสนอข้อมูลที่สร้างความเจ้าใจผิดทำลายภาพพจน์ของโรงพยาบาลทำให้ได้รับความเสียหาย ทางโรงพยาบาลจะขอใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่เผยแพร่ 
 
ส่วนประเด็นที่ว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้มีการแสดงหลังฐานข้อเท็จจริง กรณีผู้ป่วยที่ต้องเสียชีวิตจากน้ำกรดก่อนหน้านี้ ขอชี้แจงว่ามีหลักฐานเอกสาร และพยานบุคคลชัดเจน ซึ่งได้ส่งให้ทางกระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นมีแพทย์ 2 คน เข้าให้ปากคำกับทางกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ดังนั้นโรงพยาบาลจึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ได้ เนื่องจากอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ อาจมีผลต่อรูปคดีและบุคคลอีกหลายคน 
 
นอกจากนี้กรณีอาคารผู้ป่วยนอกที่ได้ทำการต่อเติม ทางทนายไม่ขอเปิดเผยว่ามีใบอนุญาตต่อเติมอาคารถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ตอบเพียงว่า ได้ขออนุญาตก่อสร้างถูกต้อง และมีเจ้าหน้าที่เขตเข้ามาตรวจสอบแล้ว และส่งผลให้ทางกระทรวงสาธารณสุขพิจราณาแล้ว 
 
ทั้งนี้ยืนยันว่าโรงพยาบาลได้มาตรฐานแน่นอนเพราะเปิดมากว่า 20 ปีแล้ว หากไม่ดีจริงคงถูกสั่งปิดไปนานแล้ว อย่างไรก็ตามหากสื่อมวลชนมีข้อสงสัยประเด็นใด ขอให้รอผลการตรวจสอบจากทางกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง