นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการเตรียมแผนรับมือผลกระทบจากราคาสินค้าปรับสูงขึ้น หลังการปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำรายวันอีก 5-22 บาท เป็นอัตรา 308-330 บาท ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งจากการเคลื่อนไหวของผู้ผลิตสินค้าและผู้จัดจำหน่าย เช่น ห้างค้าปลีก ร้านค้าทั่วไป เพื่อหาแนวทางการดูแลประชาชนในเรื่องค่าครองชีพ ทั้งนี้ จากการศึกษาเบื้องต้นอัตราค่าแรงที่ปรับเพิ่มครั้งนี้ ยังกระทบไม่มากต่อต้นทุนสินค้า หรือมีผลต่อการปรับเพิ่มราคาสินค้าทันที
ขณะที่นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่าในสัปดาห์หน้า กรมการค้าภายในได้เชิญผู้ผลิตและจำหน่ายชุดนักเรียน รองเท้านักเรียน และอุปกรณ์การเรียนการสอน มาหารือในการร่วมจัดทำรายการ Back to school (แบ็ค ทู สคูล) จำหน่ายเสื้อผ้าชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนในราคาถูกกว่าปกติ เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน รวมถึงตรวจสอบถึงต้นทุนผลิตหลังขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ ว่าจะมีแนวโน้มต่อราคาสินค้าอย่างไรในอนาคต เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก นอกจากนี้ได้มีการสั่งการให้ทีมสายด่วน 1569 และเจ้าหน้าที่การค้าภายในจังหวัด ออกตรวจสอบและติดตามความเคลื่อนไหวราคาสินค้าตามสถานีขนส่ง แหล่งท่องเที่ยว และร้านค้าอาหารทั่วไป เพื่อป้องปรามการฉวยโอกาสขายสินค้าราคาเกินจริงหรือบิดเบือนกลไกตลาดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งสอดรับพอดีกับการปรับเพิ่มค่าแรงงานรายวันขั้นต่ำ โดยกำชับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากเจอการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษทั้งการปรับและจำคุก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่เห็นความผิดปกติในเรื่องการปรับเพิ่มราคาสินค้า โดยกรมฯจะทำงานเชิงรุกดูว่าช่วงใดต้องเตรียมพร้อมในเรื่องใด เช่น หน้าผลไม้ก็มีแผนเชื่อมโยงเพื่อลดปริมาณล้นและราคาตกต่ำ หน้าร้อนก็จะดูว่าผักอะไรมีปัญหาก็จะเข้าไปแก้ปัญหาและตรวจสอบถึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสม เป็นต้น
+ อ่านเพิ่มเติม