1. ขวัญใจคนเดิม เพิ่มเติมคือตำแหน่งแชมป์ "น้องเมย์ รัชนก"
แม้จะมีอาการบาดเจ็บช่วงต้นปีจนต้องพลาดการแข่งขันหลายรายการ แต่ก็กลับมาเค้นฟอร์มเก่งได้อีกครั้งได้แบดมินตันออลอิงแลนด์ โดยการคว้าตำแหน่งรองแชมป์มาครอง (อ่านข่าว คลิก) พร้อมการคว้าแชมป์แบดฯ ไทยแลนด์ โอเพ่น (อ่านข่าว คลิก), แชมป์แบดมินตัน "นิวซีแลนด์ โอเพ่น" (อ่านข่าว คลิก)
จนมาถึงช่วงปลายปี "น้องเมย์" ก็เอาชนะ "อากะเนะ ยามากูชิ" ซึ่งเป็นแชมป์เก่า ในแบดมินตัน ซูเปอร์ซีรีส์ พรีเมียร์ รายการ เดนมาร์ก โอเพ่น ที่ประเทศเดนมาร์กไป 2-1 เกม คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมก้มลงกราบเพื่อน้อมรำลึกถึงในหลวง ร.9 และขอถวายแชมป์นี้ให้ในหลวง ร.10 ด้วย (อ่านข่าว คลิก)
ขณะที่ "น้องวิว กุลวุฒิ" ดาวรุ่งแบดมินตันวัย 16 ก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ชายเดี่ยวแบดมินตันเยาวชนโลกได้สำเร็จในปีนี้เช่นกัน (อ่านข่าว คลิก)
2. ก้าวที่สุดยอดของ "โปรเม" นักกอล์ฟหญิงไทยขึ้นแท่นมือ 1 ของโลก
ความร้อนแรงของ "โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล" ในปี 2017 ประเดิมด้วยการคว้ารางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 จากสมาคมผู้สื่อข่าวกอล์ฟแห่งสหรัฐฯ ด้วยเสียงโหวตท่วมท้นกว่า 85% (อ่านข่าว คลิก) จากนั้นก็มีผลงานอีกหลายรายการ ทั้งที่ 3 ร่วมจากศึกกอล์ฟหญิง ออสเตรเลียนโอเพ่น, รองแชมป์กอล์ฟแมตซ์เพลย์, รองแชมป์กอล์ฟ HSBC Women Champion สิงคโปร์ เป็นต้น จนมาสู่การคว้าแชมป์กอล์ฟมานูไลฟ์
จากผลงานดังกล่าว รวมถึงความร้อนแรงของฟอร์มตลอดปี 2016 ที่คว้าแชมป์เมเจอร์รายการแรกในชีวิต แชมป์ LPGA ทัวร์ และแชมป์อื่นๆ ทำให้ในที่สุด "โปรเม" ก็ได้ก้าวขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกคนแรกของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อ่านข่าว คลิก) และตำแหน่งนักกอล์ฟหญิงแห่งปีจาก ESPN (อ่านข่าว คลิก) รวมถึงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นกรณีพิเศษด้วย (อ่านข่าว คลิก)
โปรเมยังทำผลงานดีส่งท้ายปี กับการคว้าแชมป์ LPGA tour รายการซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมป์เปี้ยนชิพ ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา (อ่านข่าว คลิก)
และแม้ตอนนี้โปรเมจะพ้นจากตำแหน่งมือ 1 ของโลก โดยการประกาศอันดับเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมาอยู่ในอันดับ 6 แต่ก็ยังถือเป็น 1 ในขวัญใจของชาวไทยในปี 2017 เช่นเดิม ส่วนพี่สาวอย่าง "โปรโม-โมรียา จุฑานุกาล" อยู่ที่อันดับ 22
3. ย้อนความทรงจำลูกหนังอังกฤษ กับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในรอบปี
"พรีเมียร์ลีก" ของอังกฤษยังคงเป็นฟุตบอลลีกที่ยังครองใจแฟนบอลชาวไทยจำนวนมาก ความเคลื่อนไหวในปี 2017 เริ่มประเดิมปีใหม่ที่ "เจ้าเสือน้อย" ฮัลล์ ซิตี้ ที่สั่งเด้ง "ไมค์ ฟีแลน" กุนซือของทีมจากการทำทีมคว้าอันดับบ๊วยในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก (อ่านข่าว คลิก) ก่อนตั้ง "มาร์โก ซิลวา" นั่งแท่นโค้ชคนใหม่เพื่อหวังกอบกู้สถานการณ์ (อ่านข่าว คลิก) แต่ในที่สุดทีมเจ้าเสือน้อยก็ไม่สามารถทำคะแนนตีตื้นรอดโซนตกชั้นได้ ทำให้ขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้เพียงซีซั่นเดียวก็ต้องลงไปเล่นลีกเดอะแชมเปียนชิพอีกครั้ง ทำให้ซิลวาตัดสินใจอำลาตำแหน่งไป
เช่นเดียวกับ "เคลาดิโอ รานิเอรี" ที่แม้จะนำทีม "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกอย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2015-2016 แต่กับฤดูกาล 2016-2017 สถานการณ์กลับพลิกเป็นหลังมือเมื่อเลสเตอร์ทำผลงานได้ย่ำแย่จนสุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น ทำให้ผู้บริหารกลุ่มคิงพาวเวอร์ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรต้องตัดสินใจประกาศแยกทางกับรานิเอรีในที่สุด (อ่านข่าว คลิก) และเลสเตอร์ก็ตั้ง "เคร็ก เช็คสเปียร์" เป็นผู้จัดการทีมต่อมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนรานิเอรีก็ไปได้งานใหม่กับการคุมทีมน็องต์ส ในลีกเอิงของฝรั่งเศส (อ่านข่าว คลิก)
ด้านทีม "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน ก็ประกาศแยกทางกับเฮดโค้ช "โคลด ปูแอล" ทั้งที่ทำผลงานได้รั้งอันดับ 8 พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016-2017 จากปัญหากับแฟนบอลและลูกทีมบางคน (อ่านข่าว คลิก)
จากนั้นเปิดฤดูกาล 2017-2018 คริสตัล พาเลซ ก็เปลี่ยนโค้ชโดยแฟรงค์ เดอ บัวร์ กุนซือชาวดัดช์ที่ทำลงานย่ำแย่ช่วงต้นฤดูกาล 2017-2018 ถูกปลดออก และได้ "รอย ฮอดจ์สัน" มาคุมทีมแทน (อ่านข่าว คลิก) เข้าสู่ช่วงปลายปี เวสต์แฮมก็สั่งปลด "สลาเวน บิลิช" กุนซือชาวโครเอเชีย หลังทำผลงานย่ำแย่ในอันดับที่ 18 ของตารางคะแนน ซึ่งผู้มารับงานนี้แทนก็คือ "เดวิด มอยส์" นั่นเอง (อ่านข่าว คลิก) ขณะเวสต์บรอมวิช อัลเบียน ก็ประกาศปลดโทนี่ พูลิส เฮดโค้ชของทีมจากผลงานที่ย่ำแย่เช่นกัน โดยตั้ง "อลัน พาร์ดิว" มากุมบังเหียนแทน (อ่านข่าว คลิก) และปิดท้ายการเปลี่ยนตัวเฮดโค้ชที่สโมสรสวอนซี ที่ "พอล คลีเมนต์" ทำผลงานย่ำแย่รั้งท้ายตารางจนถูกปลด (อ่านข่าว คลิก) ได้ "คาร์ลอส คาร์วัลโญ่" อดีตกุนซือเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ชาวโปรตุเกส วัย 52 ปี ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทนก่อนวันสิ้นปี (อ่านข่าว คลิก)
ขณะที่การซื้อขายนักเตะก็มีหลายเรื่องน่าสนใจ อย่างปีที่ผ่านมาก็มีนักเตะย้ายออกจากถิ่น "โอลด์ แทรฟฟอร์ด" ของผีแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาทิ "เมมฟิส เดปาย" ที่สโมสรโอลิมปิก ลียงในฝรั่งเศสคว้าตัวไปด้วยค่าตัวเกือบ 22 ล้านปอนด์ (อ่านข่าว คลิก) หรือมอร์แกน ชไนเดอร์ลิน มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสวัย 27 ปี ก็ย้ายจากผีแดงไปอยู่กับเอฟเวอร์ตันด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์
ส่วนที่ฮือฮามากคงหนีไม่พ้น "โรเมลู ลูกากู" ซึ่งย้ายจากเอฟเวอร์ตันมาอยู่กับแมนฯยูฯ ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (อ่านข่าว คลิก) ในทางกลับกัน "เวย์น รูนีย์" ก็อำลาแมนฯยูฯ กลับไปซบเก่ารังเก่ากับเอฟเวอร์ตัน (อ่านข่าว คลิก), "เนมันยา มาติช" ที่ย้ายออกจากเชลซีซบรังใหม่อย่างแมนฯยูฯ เช่นกัน (อ่านข่าว คลิก) แต่เชลซีได้ "ติเอมูเอ้ บากาโยโก้" จากโมนาโก (อ่านข่าว คลิก) และก็ได้ "อัลบาโร โมราต้า" มาเสริมทัพในเดือนกรกฎาคม (อ่านข่าว คลิก), "บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์" ที่หมดอนาคตในการทำทีมแมนฯยูฯ ยุคมูรินโญ ทำให้ต้องย้ายไปเล่นกับชิคาโก ไฟร์ ในเมเจอร์ลีกของสหรัฐฯ และ "ดิเอโก คอสต้า" ของเชลซีที่ย้ายไปอยู่กับแอดเลติโก มาดริด
ด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็เริ่มปล่อยนักเตะรุ่นเก่าพ้นทีมเพื่อถ่ายเลือดใหม่ (อ่านข่าว คลิก) รวมถึงปล่อย "โจ ฮาร์ท" ให้เวสต์แฮมยืมตัว (อ่านข่าว คลิก) แต่ก็ได้นักเตะใหม่อย่าง "เอแดร์สัน" เสริมทัพ (อ่านข่าว คลิก) ขณะเคราร์ด เดวโลเฟว ของเอฟเวอร์ตันก็ได้สัญญายืมตัวไปอยู่กับเอซี มิลานจนจบฤดูกาล 2016-2017 และมาซาร์ มาร์โควิช ปีกชาวเซอร์เบียของลิเวอร์พูลก็ถูกส่งตัวไปให้ฮัลล์ ซิตี้ยืมตัวเช่นกัน ส่วนเชลซีขายบรานิฟสลาฟ อิวาโนวิช ไปให้กับเซนิด เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นต้น และช่วงก่อนปิดตลาดเดือนกันยายน ลิเวอร์พูลก็ได้ตัว "อ็อกเลด แชมเบอร์เลน" จากอาร์เซบอลมาร่วมทีม
ขณะที่นักเตะรุ่นเก๋าหลายคนก็มีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต อาทิ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 38 ปี (อ่านข่าว คลิก), สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตนักเตะของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ก็ตัดสินใจกลับมารับงานโค้ชเยาวชนของถิ่นแอนฟิลด์อีกครั้ง (อ่านข่าว คลิก) หรือกรณีของ "จอห์น เทอร์รี" ที่จำใจย้ายออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์หลังหลุดไปเป็นตัวสำรองบ่อยขึ้น โดยในที่สุดก็ไปอยู่กับแอสตัน วิลลาแบบไร้ค่าตัว (อ่านข่าว คลิก)
ส่วนตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2016-2017 ตกเป็นของเชลซี จากการมี 93 แต้ม รองแชมป์เป็นของสเปอร์ส (อ่านข่าว คลิก) และทีมที่ต้องตกชั้นไปเล่นในลีกแชมเปียนชิพ ประกอบด้วยฮัลล์ ซิตี้, มิดเดิลสโบรซ์ และซันเดอร์แลนด์
4. "เจ-มุ้ย" ลุยลีกแดนปลาดิบ
หลังจากมีนักฟุตบอลไทยหลายคนที่ได้โอกาสจากทีมในลีกต่างประเทศให้ออกไปค้าแข้ง ในปี 2017 นี้ก็ถึงคราวของ "เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์" ได้โอกาสทำตามความฝันบ้าง โดย "คอนซาโดเล่ ซัปโปโร" สโมสรในเจลีก ลีกฟุตบอลของญี่ปุ่นได้ยืมตัว "เจ้าเจ" จากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปร่วมทีมด้วยสัญญาปีครึ่ง ถือเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ได้ไปค้าแข้งในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น (อ่านข่าว คลิก)
ต่อจาก "เจ้าเจ" ก็เป็น "เจ้ามุ้ย-ธีรศิลป์ แดงดา" ที่ได้รับโอกาสจาก "ซานฟรานเซ่ ฮิโรชิม่า" อีกหนึ่งทีมในเจลีกที่ลงทุนส่งผู้บริหารระดับสูงมาเมืองไทยเพื่อยื่นข้อเสนอให้กับ "เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด" ต้นสังกัดในขณะนั้นของมุ้ยอย่างเป็นทางการ และสุดท้ายก็บรรลุข้อตกลงเป็นสัญญายืมตัว 1 ปีไปเรียบร้อย (อ่านข่าว คลิก)
5. ฟุตบอลชายทีมชาติไทย "ซิโก้" ไป - "ราเยวัช" มา
แม้จะมีข่าวหลุดออกมาช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ว่าการเจรจาสัญญาคุมทีม "ช้างศึก" ทีมชาติไทยของ "ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง" มีปัญหาตกลงเงื่อนไขไม่ลงตัว แต่ในที่สุดซิโก้ก็ได้ตวัดปากกาเซ็นสัญญาคุมทีมชาติไทยต่ออีก 1 ปีในช่วงต้นเดือนมีนาคม (อ่านข่าว คลิก)
แต่ผลงานของทีมชาติไทยก็อาจไม่เป็นไปตามความคาดหวังของแฟนบอลมากนัก โดยผลงานของทีมชาติไทยในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในปี 2017 ที่ผ่านมานั้น พ่ายทั้งซาอุดิอาระเบียไป 3-0 และโดนญี่ปุ่นถล่มไป 4-0 และนัดก่อนหน้านั้นในปี 2016 ก็แพ้ทั้งอิรัก, ยูเออี และยันเสมอกับออสเตรเลีย ทำให้ตกรอบแบบไม่ต้องลุ้น (อ่านข่าว คลิก) นำมาซึ่งคำถามว่า "ซิโก้" จะต้องพ้นตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติไทยหรือไม่
ในที่สุดคำถามนี้ก็มีคำตอบ เมื่อซิโก้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยผ่านอินสตาแกรมในวันที่ 31 มีนาคม หลังจากนั้นก็ให้เหตุผลว่าอึดอัดกับระบบการทำงานของสมาคมกีฬาฟุตบอล (อ่านข่าว คลิก) ซึ่งการประกาศลาออกของซิโก้ทำให้มีผู้สนใจชิงเก้าอี้เฮดโค้ชหลายคน แต่สุดท้ายผู้ที่ได้เข้ามาคือ "มิโลวาน ราเยวัช" อดีตเฮดโค้ชทีมชาติกานาชาวเซอร์เบีย (อ่านข่าว คลิก)
อย่างไรก็ตาม การประเดิมคุมทีมของราเยวัช เขาก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป โดยนัดแรกๆ ของการทำทีม ทีมชาติไทยพ่ายอุซเบกิสถาน ก่อนมายันเสมอยูเออีได้ (อ่านข่าว คลิก)
ส่วน "ซิโก้" หลังจากพ้นตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติไทยได้ไม่นานก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการไปคุมทีม "การท่าเรือ" ของมาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ (อ่านข่าว คลิก) แต่คุมทีมได้ไม่นานก็ตัดสินใจลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อผลงานที่ไม่สดใสของทีม (อ่านข่าว คลิก)
6. วีรบุรุษหมัดน็อก แชมป์กระหึ่มโลก "เจ้าแหลม ศรีสะเกษ"
เป็นอีกไฟต์ที่น่าจดจำ ในศึกมวยสากลชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก WBC รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์ ระหว่าง "เจ้าแหลม-ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น" ผู้ท้าชิงชาวไทย กับ โรมัน กอนซาเลซ แชมป์ชาวนิคารากัว ที่เวทีมวย เมดิสันสแควร์การ์เด้น รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าแหลมก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง เอาชนะคะแนนแชมป์เก่าจากนิคารากัวได้สำเร็จ คว้าเข็มขัดเป็นแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์คนใหม่ (อ่านข่าว คลิก)
และเดือนกันยายน "เจ้าแหลม" ก็ต้องโคจรกลับมาพบกับ "โรมัน กอนซาเลซ" อีกครั้งในนัดรีแมตช์ ซึ่งเจ้าแหลมรัวหมัดใส่กอนซาเลซในยก 4 จนลงไปกองกับพื้นจนกรรมการไม่นับต่อและทำเอากอนซาเลซต้องพักไปเป็นปี เจ้าแหลมป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ ท่ามกลางความดีใจอย่างยิ่งของกองเชียร์ชาวไทยและครอบครัว (อ่านข่าว คลิก)
ซึ่งไม่ใช่แค่ลัคกี้อินเกม แต่ยังลัคกี้อินเลิฟด้วย เมื่อเจ้าแหลมตัดสินใจทำเซอร์ไพรส์ขอ "น้องเก๋-พัชรีวรรณ กันหา" แฟนสาวที่คบกันมากว่า 14 ปีกลางสนามบิน หลังบินกลับจากการป้องกันแชมป์ ซึ่งน้องเก๋ก็ตอบตกลง แถมต่อมายังได้เข้าพบ "บิ๊กตู่" พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมช็อตสุดฮาโดนเสยคางเรียกรอยยิ้ม (อ่านข่าว คลิก) ยิ่งไปกว่านั้น "เจ้าแหลม" ยังได้บรรจุเข้ารับราชการเป็นตำรวจ ส่วนมหาวิทยาลัยที่เจ้าแหลมศึกษาอยู่ ยังมอบทุนเรียนปริญญาตรีให้น้องเก๋ แฟนสาวได้เรียนไปพร้อมกับเจ้าแหลมอีก (อ่านข่าว คลิก)
และไม่ใช่แค่ดังระดับประเทศ แต่ถือเป็น "ดังระดับโลก" ได้แล้ว เมื่อสภามวยโลกตัดสินใจมอบรางวัล "นักมวยยอดเยี่ยม" ขณะสื่อกีฬาทั้ง realsport.com และ HBO ก็ยกตำแหน่งนักมวยยอดเยี่ยมให้กับเจ้าแหลม และ ESPN ยกตำแหน่ง "สุดยอดน็อกเอาท์" ให้กับเจ้าแหลมจากช็อตรัวหมัดน็อกโรมัน กอนซาเลซ ป้องกันแชมป์อีก นับเป็นปีทองของเจ้าแหลมที่งานนี้เรียกได้คำเดียวว่า "สุด" จริงๆ!
7. อาลัยคนกีฬาผู้จากไปในปี 2017
ในวงการกีฬาก็มีการสูญเสียเกิดขึ้นหลายครั้งในปี 2017 ที่ผ่านมา โดย "รองไก่ เฉลิมชัย" อดีตรองผู้ว่า กกท. เสียชีวิตกะทันหันกลางที่ประชุมสมาคมแบดมินตัน (อ่านข่าว คลิก), "ปอ-ธนพล จารุเพ็ง" นักปั่นทีมชาติไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุขณะฝึกซ้อม (อ่านข่าว คลิก) และปลายปีก็เกิดเหตุสลดใจ เมื่อเกิดเหตุรถบรรทุกชนรถบัสที่ม่ีพันเอกหญิงศศิธร รัตนราศรี อดีตนักกรีฑาทีมชาติไทยนั่งโดยสารมาด้วยเสียชีวิต (อ่านข่าว คลิก)
ส่วนวงการกีฬาโลกก็เกิดการสูญเสีย อาทิ อดีตนักเตะหงส์แดงอย่าง "รอนนี มอแรน" ก็เสียชีวิตในวัย 83 ปี (อ่านข่าว คลิก) และยาน่า โนวอตน่า อดีตนักเทนนิสหญิงจากประเทศสาธารณรัฐเช็ก และแชมป์แกรนด์สแลมประเภทหญิงเดี่ยว จากศึกวิมเบิลดันปี 1998 เสียชีวิตด้วยวัย 49 ปีจากโรคมะเร็ง (อ่านข่าว คลิก)
8. ซีเกมส์ ซีโกง? หลากข้อครหาตลอดทัวร์นาเมนต์ ไทยจบรองเจ้าเหรียญทอง
ส่วนมหกรรมกีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือซีเกมส์ ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพนั้นมีเสียงวิจารณ์การตัดการแข่งขันดังระงม ทั้งประเด็นระบบการถ่ายทอดสดที่เจ้าภาพไม่ถ่ายทอดกีฬาบางชนิดทีเป็นความหวังของคนไทย อาทิ วอลเลย์บอลและฟุตซอล ทำเอาทีมงานของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศต้องตั้งกล้องถ่ายทอดสดกันเอง (อ่านข่าว คลิก) ส่วน "กัปตันกิ๊ฟ" แห่งทีมวอลเลย์สาวไทยก็ออกมาเผยถึงปัญหาทั้งอาหารไม่พอ และปัญหาระบบขนส่งมวลชน (อ่านข่าว คลิก) หรือกรณีทีมจักรยานไทยถูกเบียดแซงอย่างน่ากังขาจนโค้ชต้องโพสต์เฟซบุ๊กว่า "ก้มหน้าท่องคำว่าสปิริตรับเหรียญเงิน" (อ่านข่าว คลิก) หรือความงุนงงของแฟนกีฬา กับการให้นักกีฬากระโดดสูงเขียนคะแนนลงสกอร์บอร์ดเอง (อ่านข่าว คลิก), การแข่งเดินเร็วที่มีเสียงวิจารณ์ว่านักกีฬาชาติเจ้าภาพคล้ายจะวิ่งมากกว่าเดิน (อ่านข่าว คลิก) และการแข่งขันปันจักสีลิตที่นักกีฬาชาติเจ้าภาพเกิดบาดเจ็บระหว่างแข่งจนเล่นต่อไม่ได้ แต่ได้เหรียญทองไปครอง (อ่านข่าว คลิก)
แต่สำหรับผลงานของทัพนักกีฬาไทยก็ทำได้ดีในหลายชนิดกีฬา เช่นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงคว้าเหรียญเงินพร้อมทีมศิลปะบังคับม้าของไทยอีก 4 คน (อ่านข่าว คลิก), ทีมวิ่งผลัดชายไทยที่คว้าเหรียญทอง 4x100 เป็นสมัยที่ 6 ติดต่อกัน, ทีมฟุตบอลชายไทยที่คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 16, หรือการคว้าเหรียญทองครบทุกรุ่นที่ส่งแข่งของทีมตะกร้อ หรือแม้แต่เทนนิส-เรือใบ-เทควันโด-มวยสากล ฯลฯ ก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน ส่วนทัพนักกีฬาคนพิการไทยก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในกีฬาคนพิการอาเซียน "อาเซียนพาราเกมส์" ทั้งว่ายน้ำ-กรีฑา-ปิงปอง ฯลฯ โดยปิงปองนั้น "รุ่งโรจน์ ไทยนิยม" คว้าเหรียญทองเป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกัน (อ่านข่าว คลิก)
ท้ายสุดของซีเกมส์ เป็นชาติเจ้าภาพที่ทำเหรียญทองนำโด่งท่ามกลางข้อครหา จนคว้าเจ้าเหรียญทองด้วยสถิติทำเหรียญทองได้มากที่สุดตั้งแต่มีการแข่งขัน (อ่านข่าว คลิก) จนทำให้มีคำถามต่อมาตรฐานการจัดการแข่งขันอย่างล้นหลาม
9. เปิดโปงขบวนการล้มบอลไทยส่งท้ายปี "สมยศ-จักรทิพย์" ลุยเอง!
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน เมื่อพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยเรื่องอื้อฉาวในวงการฟุตบอลไทยลีก ว่าเบื้องต้นมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล็อคผลการแข่งขัน จำนวน 12 ราย ตั้งแต่ตัวผู้เล่น กรรมการ ผู้บริหารทีม และกลุ่มทุนพนัน
ในที่สุด วันที่ 21 พฤศจิกายน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ร่วมกันแถลงข่าวขบวนการล้มบอลไทย โดยเผยชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 12 คนซึ่งถูกออกหมายจับและจับกุมตัวได้แล้ว แต่ทั้งหมดได้รับการประกันตัว ฝั่งสโมสรที่มีบุคลากรเข้าไปพัวพันก็ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์กันหลายสโมสร พร้อมระบุว่ามีอดีตผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯ ใช้อำนาจข่มขู่และเอื้อประโยชน์ให้ผู้ตัดสินในขบวนการนี้ด้วย (อ่านข่าว คลิก)
และดูเหมือนเรื่องจะไม่จบแค่นี้ เมื่อ พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า กำลังเร่งหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเตรียมที่จะออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องล็อตที่ 2 ที่คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 10 คน โดยจะรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดีออกหมายจับให้ได้เร็วที่สุด (อ่านข่าว คลิก) คงต้องติดตามว่าปีนี้จะมีความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างไร
10. เก็บตกกีฬาเด่น 2017
ประเด็นอื่นๆ ของวงการกีฬาไทยในปีนี้ก็เช่น กระแสวอลเลย์บอลฟีเวอร์ที่ยังคงคึกคัก ปีนี้นักตบลูกยางสาวไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ได้อย่างงดงาม พร้อมรองแชมป์เอเชีย อันดับที่ 10 รายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์ และการเข้ารอบสุดท้ายชิงแชมป์โลกที่ญี่ปุ่นได้เป็นผลสำเร็จ , ขณะที่ไทยลีก 2017 แชมป์ตกเป็นของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีได้เป็นแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 6 พร้อมการประกาศลดจำนวนทีมจาก 18 เหลือ 16 ทีม เริ่มปี 2562 , หรือผลงานของ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่คว้าเหรียญทองซีเกมส์ เหรียญทองเทควันโด เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2017 และเหรียญทองเทควันโดชิงแชมป์โลกระดับเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ซีรีส์ได้สำเร็จ , จอมพลังสาวไทยที่คว้า 4 เหรียญทอง ยกน้ำหนักชิงแชมป์โลกที่สหรัฐฯ และนักเจ็ดสกีไทยคว้าแชมป์โลกถึง 7 รุ่นส่งท้ายปลายปี่
ส่วนประเด็นอื่นๆในวงการกีฬาโลก เช่น อิตาลีตกรอบฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งแรกในรอบ 60 ปี ทำให้ "จานปิเอโร่ เวนตูรา" กุนซือของทีมต้องถูกปลด เป็นต้น
ยังมีทัวร์นาเมนต์กีฬามากมายให้ติดตามในปี 2018 ทั้งเอเชียนเกมส์, ฟุตบอลโลก และยูธโอลิมปิกเกมส์ ขอเชิญติดตามเชียร์ให้กำลังใจทัพนักกีฬาไทย พร้อมดูแลสุขภาพด้วยการเล่นกีฬาไปพร้อมๆกัน