สรุปคดีครูจอมทรัพย์ ตร.นครพนมเสนอฟ้องผู้ร่วมขบวนการกราวรูด 11 คน ครูอ๋องเจอหนักสุด 6 กระทง!
logo ข่าวอัพเดท

สรุปคดีครูจอมทรัพย์ ตร.นครพนมเสนอฟ้องผู้ร่วมขบวนการกราวรูด 11 คน ครูอ๋องเจอหนักสุด 6 กระทง!

ข่าวอัพเดท : วันที่ 28 ธ.ค. 60 เวลา 09.00 น. บริเวณชั้น 5 ห้องศูนย์ปฏิบัติการณ์ (ศปก.) อาคารแสงสิงแก้ว กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม(บก.ภ.จว ตำรวจ,นครพนม,ครูจอมทรัพย์

11,855 ครั้ง
|
28 ธ.ค. 2560
วันที่ 28 ธ.ค. 60 เวลา 09.00 น. บริเวณชั้น 5 ห้องศูนย์ปฏิบัติการณ์ (ศปก.) อาคารแสงสิงแก้ว กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม(บก.ภ.จว.ฯ) พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยหลังว่าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม สรุปสำนวนคดีของ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือศรีบุญหอม อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร ในการสร้างพยานเท็จหาผู้รับผิดแทน ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้ส่งสำนวนพร้อมสรุปความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ร่วมขบวนการรวมทั้งสิ้น 11 คน โดยแยกข้อหาของแต่ละคน ดังนี้ 
 
1. นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือครูอ๋อย ส่งฟ้อง 2 ข้อหา คือ (1) ซ่องโจร (2) ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในข้อสำคัญในคดีในการพิจารณาคดีอาญา 
 
2. นายสุริยา หรือครูอ๋อง นวนเจริญ เพื่อนสนิทของนางจอมทรัพย์ตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม ส่งฟ้อง 6 ข้อหา คือ (1) ซ่องโจร (2) ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในข้อสำคัญในคดีในการพิจารณาคดีอาญา (3) ใช้ให้ผู้อื่นเบิกความอันเป็นเท็จในข้อสำคัญในคดี ในการพิจารณาคดีอาญา (4) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคดีอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (5) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (6) ร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาอย่างใดเกิดขึ้น 
 
3. นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานผู้อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ ส่งฟ้อง 5 ข้อหา (1) ซ่องโจร (2) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคดีอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (3) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (4) ร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาอย่างใดเกิดขึ้น (5) เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาลซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี 
 
4. นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีของนางจอมทรัพย์ ส่งฟ้อง 3 ข้อหา (1) ซ่องโจร (2) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (3) ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในข้อสำคัญในคดี ในการพิจารณาคดีอาญา 
 
5. นางทองเรศ วงศ์ศรีชา พยานที่อ้างว่านั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนางทัศนีย์ขณะเกิดเหตุ ส่งฟ้อง 2 ข้อหา (1) ซ่องโจร (2) เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาลซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี 
 
6. นายเสน่ห์ สุพรรณ เพื่อนของนางจอมทรัพย์ ส่งฟ้อง 2 ข้อหา (1) ซ่องโจร (2) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย
 
7. นางรจนา จันทรัตน์ เพื่อนสนิทที่สังคมโซเซียลให้ฉายาว่า "นักสืบสาว" ส่งฟ้อง 3 ข้อหา (1) ซ่องโจร (2) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (3) เบิกความอันเป็นเท็จในข้อสำคัญในคดี ในการพิจารณาคดีอาญา 
 
8. น.ส.วาสนา เพชรทอง หลานสาวของนางจอมทรัพย์ ที่ได้รับมอบอำนาจเดินเรื่องยื่นร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งฟ้อง 2 ข้อหา (1) ซ่องโจร (2) ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในข้อสำคัญ ในคดีในการพิจารณาคดีอาญา
 
9.นายธณัช สุขตลอดปี ทนายความที่ให้การช่วยเหลือนายสุริยาหรือครูอ๋องให้พ้นจากการจำคุกในข้อกล่าวหาค้าไม้หวงห้ามข้ามชาติ ส่งฟ้อง 4 ข้อหา (1) ซ่องโจร (2) แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงาน อัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (3) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (4) ร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อให้พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา เชื่อว่าได้มีความอาญาอย่างใดเกิดขึ้น
 
ส่วนนายสับ วาปี ผู้สมอ้างว่าเป็นคนขับรถยนต์ชนนายเหลือ พ่อบำรุง ถึงแก่ความตาย และนางจันทร์ วาปี ภรรยา ที่เดินทางไปปรากฎตัวกับนายสับตามสถานที่ต่างๆ ถูกส่งฟ้องไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา รวม 5 ข้อหา ประกอบด้วย (1) ซ่องโจร (2) ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (3) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (4) ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และ (5) เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี
 
โดยพนักงานสอบสวนจะเดินทางไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดนครพนม เพื่อพิจารณาสั่งคดีแล้ว ทั้งนี้ หากอัยการพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่ามีความสมบูรณ์ครบถ้วน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสั่งสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก คาดว่าภายในเร็วๆนี้ อัยการจะสามารถสั่งคดีได้
 
ทางด้าน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้สรุปสำนวนคดีของนางจอมทรัพย์เปิดเผยว่า "คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนั้น ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 13 และ 53 ก็จะต้องตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นพิจารณาสำนวนและสั่งคดี หากมีความเห็นสั่งฟ้องทุกข้อหา พนักงานอัยการก็สามารถยื่นฟ้องผู้ต้องหาได้เลย โดยจะต้องรายงานอธิบดีอัยการภาค 4 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาตามสายงานให้ทราบด้วย แต่หากคณะทำงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ข้อหาใดข้อหาหนึ่งตามขั้นตอนในระเบียบดังกล่าว ก็จะต้องเสนอให้อธิบดีอัยการภาค 4 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณาสั่งคดี"
 
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 11 คน มี 9 คนที่ได้รับการประกันตัว ส่วนอีกสองคนคือ นางจอมทรัพย์กับนายสุริยาหรือครูอ๋อง ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการสอบสวน 39 วัน ระหว่างวันที่ 18 พ.ย.60-26 ธ.ค.60 สอบปากคำพยานทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและในส่วนที่ต้องหาร้องขอรวมจำนวน 68 คน เอกสารในสำนวนการสอบสวนทั้งสิ้น 1,505 แผ่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง