หลังจากลิ้นจี่ของจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงและมีรสชาติอร่อยเป็นที่ถูกใจของผู้บริโภคไม่ให้ผลผลิตติดต่อกันมา 3 ปีแล้วเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จึงทำให้ชาวสวนหลายรายโค่นต้นลิ้นจี่ทิ้งเป็นจำนวนมากอย่างไม่เสียดายแล้วหันไปปลูกมะพร้าวน้ำหอม และส้มโอแทนเนื่องจากให้ผลผลิตที่ดีกว่า จากที่เคยมีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 15,000 ไร่ ปัจจุบันจังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่ปลูกลิ้นจี่เหลืออยู่เพียง 7,000 ไร่เท่านั้น และก่อนหน้านี้อุณหภูมิหนาวเย็นทำให้ลิ้นจี่แทงช่อดอก แต่เกิดฝนตกลงมาทำให้แตกเป็นใบอ่อนจึงมีดอกเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์
และช่วงนี้หลังจากความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยทำให้อุณหภูมิที่จังหวัดสมุทรสงครามหนาวเย็นโดยเฉพาะในสวน 16 องศาเซลเซียส ทำให้ลิ้นจี่รุ่นที่ 2 แทงช่อดอกออกมาถึง 90 เปอร์เซ็นต์ สร้างความหวังให้ชาวสวนเป็นอย่างมาก และหากอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียสนานอีกเพียงสัปดาห์เดียว คาดว่าปีนี้ลิ้นจี่จะให้ผลผลิตออกสู่ผู้บริโภคอย่างแน่นอน นอกจากนี้ล้นจี่รุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 ก็จะให้ผลผลิตตามมาอีกคาดว่าไม่ต่ำกว่า 4-5 พันตัน หลังจากไม่ให้ผลผลิตมา 3 ปี
นายสนธยา ตันติรักษ์ อายุ 57 ปี เจ้าของสวนลิ้นจี่กว่า 20 ไร่ในตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา ซึ่งปลูกลิ้นจี่ไว้ 200 ต้น บอกว่า ปีนี้ชาวสวนลิ้นจี่คงยิ้มได้เพราะที่ผ่านมา 3 ปีแล้วที่ลิ้นจี่ไม่ให้ผลผลิต เนื่องจากสภาพอากาศหนาวไม่พอ แต่ช่วงนี้อุณหภูมิ16-18 องศามาหลายวันแล้วทำให้ลิ้นจี่รุ่น 2 (ลิ้นจี่มี 4 รุ่น) แทงช่อดอกออกมาแล้ว 80-90 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นช่วงนี้จึงเร่งทำความสะอาดโคนต้นลิ้นจี่และกำจัดวัชพืชตามลำต้นโดยเฉพาะเถาวัลย์เพื่อที่เมื่อลิ้นจี่ให้ผลผลิตจะได้เก็บเกี่ยวได้ง่าย ที่สำคัญช่วงนี้งดใส่ปุ๋ยและงดการรดน้ำไว้ก่อนมิเช่นนั้นช่อดอกลิ้นจี่อาจจะแตกเป็นใบอ่อนได้
+ อ่านเพิ่มเติม