สื่อสหรัฐฯตีข่าวกระทรวงกลาโหมมะกันใช้เงินกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปกับโครงการลับว่าด้วยการค้นหายูเอฟโอ เจ้าของไอเดียระบุไม่เสียใจที่ได้ทำ เพราะเป็นเรื่อง "วิทยาศาสตร์และความมั่นคงของชาติ" ด้านนักวิทยาศาสตร์เตือน วัตถุไม่รู้ที่มาก็ไม่ได้หมายถึงต้องมาจากดาวหรือกาแลกซี่อื่น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโดยอ้างรายงานของหนังสือพิมพ์ The New York Times ระบุว่าโครงการลับที่มีชื่อว่า "The Advanced Aerospace Threat Identification Prgramme" นี้เกิดขึ้นในปี 2007 และมีเพียงเจ้าหน้าที่บางคนเท่านั้นที่ทราบเรื่อง โครงการนี้มาจากแนวคิดของแฮร์รี่ รีด อดีตสมาชิกวุฒิสภารัฐเนวาดาจากพรรคเดโมแครต ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้นำวุฒิสมาชิกเสียงข้างมากและเป็นผู้ที่สนใจปรากฏการณ์ทางอวกาศมายาวนาน เขาบอกกับ The New york Times ว่าเขาไม่รู้สึกอึดอัด ละอาย หรือเสียใจกับการที่ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น เพราะเขาได้ทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เขายังระบุผ่านทวิตเตอร์วานนี้ (17 ธ.ค.) ว่าโครงการนี้เป็นความพยายามอย่างจริงจังในการค้นหาความจริงท่ามกลางหลักฐานมากมายที่สนับสนุนให้มีการตั้งคำถาม
"นี่เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์และความมั่นคงของชาติ ถ้าสหรัฐอเมริกาไม่เป็นผู้นำในการตอบคำถามเหล่านี้ ก็จะมีคนอื่นทำอยู่ดี" แฮร์รี่ระบุ
โครงการนี้ใช้งบประมาณของกระทรวงกลาโหมไปมากกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่โครงการจะถูกปิดตัวลงในปี 2012 เพื่อที่จะลดการใช้งบประมาณ โดย The New York Times ยังเผยว่าเงินส่วนใหญ่ถูกทุ่มไปให้กับบริษัทวิจัยด้านการบินอวกาศซึ่งมีเจ้าของบริษัทคือนายโรเบิร์ด ไบเกโลว ซึ่งเป็นเพื่อนของแฮร์รี่ รีด เจ้าของไอเดียโครงการนี้ และเป็นนักธุรกิจพันล้านและปัจจุบันทำงานร่วมกับองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (นาซ่า) ด้วย นายโรเบิร์ดกล่าวในรายการ "60 Minutes" (60 นาที) ของสถานีโทรทัศน์ CBS ของสหรัฐฯ ว่าเขาถูกโน้มน้าวใจให้เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาว หรือ "เอเลี่ยน" มีอยู่จริงและมี UFO มาเยี่ยมโลกมนุษย์
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าแม้โครงการนี้จะปิดตัวลงไปแล้ว แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังคงยังคงสืบสวนปรากฏการณ์ทางอากาศที่ผิดปกติและวัตถุที่น่าสงสัยควบคู่ไปกับหน้าที่ประจำวันของพวกเขา
ผลจากการดำเนินการของโครงการปรากฎว่า มีการจัดทำเอกสารซึ่งอธิบายการค้นพบอากาศยานที่ "เคลื่อนที่ด้วยความเร็งสูงมาก และไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่ามีแรงขับเคลื่อนแต่อย่างใด" หรืออากาศยานที่ "ลอยอยู่โดยไม่ปรากฎวิธีการยกตัวที่ชัดเจน" รวมถึงมีการศึกษาวีดิโอการพบวัตถุประหลาดโดยอากาศยานของกองทัพสหรัฐฯ อาทิ วัตถุรูปไข่สีขาวที่มีขนาดใกล้เคียงกับเครื่องบินพาณิชย์ ตรวจพบโดยเครื่องบินต่อสู้ของกองทัพเรือสหรัฐสองลำในปี 2004 เป็นต้น
(วัตถุรูปไข่สีขาวที่มีขนาดใกล้เคียงกับเครื่องบินพาณิชย์ ตรวจพบโดยเครื่องบินต่อสู้ของกองทัพเรือสหรัฐสองลำในปี 2004)
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ซาร่า ซีเกอร์ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีอันดับต้นๆของโลก เตือนว่าการไม่ทราบต้นกำเนิดของวัตถุไม่ได้หมายถึงว่าวัตถุเหล่านั้นจะต้องมาจากดาวเคราะห์หรือกาแลกซี่อื่น แต่เธอก็บอกว่าหากผู้คนเรียกร้องให้มีการสังเกตปรากฏการณ์ผิดปกติ บางครั้งก็ควรมีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ขณะที่นายเจมส์ อี โอเบิร์ก อดีตวิศวกรของนาซ่าก็ยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการ โดยระบุว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้อาจจะเป็นฝีมือของมนุษย์ที่ชอบทำอะไรในอากาศแบบไม่เปิดเผยตัว หรือมีความสุขในการสร้างภาพลวงตา
และยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่อดีตเจ้าหน้าที่สภาคองเกรสให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Politico ก็คือ โครงการดังกล่าวอาจจะถูกตั้งขึ้นเพื่อใช้ติดตามตรวจสอบความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศมหาอำนาจคู่แข่ง ทั้งจีนและรัสเซียก็เป็นได้
(ภาพ/ข่าว : The New York Times / ข่าว : BBC)
+ อ่านเพิ่มเติม