DeepSeek เบียดหุ้น บ.เทคสหรัฐ ร่วงระนาว กับยอดโหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ (App Store) ในสหรัฐอเมริกา

DeepSeek เบียดหุ้นบ.เทคสหรัฐ ร่วงระนาว กับยอดโหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ (App Store) ในสหรัฐอเมริกา หลังจากเปิดตัวในสหรัฐฯ ในเดือน ม.ค. 68

DeepSeekR1 โมเดล AI ตัวใหม่ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในวงการ AI จากบริษัทสัญชาติจีน จากเมืองกวางโจว รูปแบบการทำงานคล้าย ChatGPT แต่ด้วยความสามารถในการใช้เหตุผลที่โดดเด่น ทำให้หลายคนมองว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของโมเดล AI อื่น ๆ ที่มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างและพัฒนา AI อย่าง DeepSeekR1 นั้นใช้เงินน้อยกว่าบริษัทเอไออื่น ๆ ของสหรัฐฯเป็นอย่างมาก โดยนักวิจัยเบื้องหลังแอปฯ นี้ระบุว่า ใช้เงินเพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 200 ล้านบาท)

โดยผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ระดมทุนในการพัฒนา DeepSeek บางส่วนมาจากเงินกองทุนป้องกันความเสี่ยง (hedge Fund) แห่งหนึ่งที่เขาเป็นผู้ริเริ่ม โดยได้สร้างคลังชิป Nvidia A100 ไว้ ซึ่งปัจจุบันถูกห้ามส่งออกไปยังประเทศจีน และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า คลิปชิปนี้ ซึ่งมีการประมาณการไว้ที่ 50,000 ตัว ทำให้เขาสามารถพัฒนาและเปิดตัว DeepSeek ได้ ด้วยการจับคู่ชิปเหล่านี้กับชิปราคาถูกกว่าและพลังการประมวลผลน้อยกว่าซึ่งยังสามารถนำเข้าไปยังจีนได้ โดยเมื่อเร็วๆนี้ นายเหลียงได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเอไอกับ หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน

และเหตุที่ทำให้ DeepSeek สร้างผลกระทบต่อบริษัทเทคของสหรัฐฯ นั้นก็คือ DeepSeek ใช้เงินทุนพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในสหรัฐฯ นี่ทำให้เกิดคำถามกับอนาคตของวงการเอไอปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ตลาดหุ้นแนสแด็กซึ่งเน้นลงทุนหุ้นเทคโนโลยี ร่วงลงมากกว่า 3% โดยมีการเทขายหุ้นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงหุ้นผู้ผลิตชิปอย่าง Nvidia บริษัทสัญชาติอเมริกันที่ผลิตชิปทรงพลังที่สามารถประมวลผลเอไอได้ โดยบริษัทสูญเสียมูลค่าตลาดไปเกือบ 600,000 ล้านดอลลารสหรัฐ (ราว 20 ล้านล้านบาท) เมื่อวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการลดลงในวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับบริษัทแห่งเดียวในสหรัฐฯ โดยราคาหุ้นบริษัทร่วงลงไป 17% ภายในเวลาเดียวกัน โดยคาดว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการแข่งขันด้าน AI ที่รุนแรงขึ้นและผลกระทบต่อการลงทุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของ AI นั้นเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลกในหลายด้าน

โดยจุดแข็งของ DeepSeek คือ การใช้งบประมาณที่น้อย ด้วยการพัฒนา AI ด้วย AI ด้วยกัน แม้จะยังเป็น Model ขนาดเล็กแต่ก็มีความสามารถแทบจะเทียบเท่า AI รุ่นใหญ่ๆ อย่าง ChatGPT , Gemini , Llama เป็นต้น ด้วยวิธีการบีบอัดไฟล์ให้เล็กลง ทำให้ใช้ GPU ในการประมวลผลน้อยลง ซึ่งใช้พารามิเตอร์เพียง 35 Billion ซึ่งสามารถตอบคำถามได้ใกล้เคียงกับ AI อื่นๆ โดยวิธีการบีบอัดไฟล์จนเล็กลงเรื่อยๆ ทำให้สามารถพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ส่วนตัวได้ ที่ไม่จำเป็นต้องรันบน GPU โดย DeepSeek นำ Model AI มาแจกฟรีให้คนได้ใช้งาน และนี่อาจจะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้วงการปัญญาประดิษฐ์สามารถพัฒนาให้ฉลาดขึ้น และลดต้นทุนให้มากขึ้นได

สุดท้ายความสำเร็จของ DeepSeek ช่วยลบล้างความเชื่อที่ว่า การจะสร้างปัญญาประดิษฐ์ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากและต้องใช้ชิปที่มีความทรงพลังสูงเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงสร้างนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นให้กับวงการปัญญาประดิษฐ์