เมื่อเวลาประมาณ 14.20 น. ที่ผ่านมา ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการแถลงข่าวการจับกุมผู้เกี่ยวข้องในคดีล้มบอลไทย โดยมีพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยนำการแถลงข่าว
ทั้งนี้ มีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 12 ราย ประกอบด้วย นักฟุตบอลอาชีพ 5 ราย คือ 1.นายสุทธิพงษ์ เหลาพร นักฟุตบอลทีมราชนาวี เอฟซี 2.นายณรงค์ วงษ์ทองคำ ผู้รักษาประตู ทีมราชนาวี เอฟซี 3.นายสุวิทยา นำสินหลาก นักฟุตบอลทีมราชนาวี เอฟซี 4.นายเสกสันต์ ชาวทองหลาง นักฟุตบอลทีมราชนาวี เอฟซี 5.นายวีระ เกิดพุดซา ผู้รักษาประตู ทีมนครราชสีมา มาสด้าเอฟซี กรรมการผู้ตัดสิน (ฟีฟ่า) 1 ราย คือ นายภูมิรินทร์ คำรื่น และไลน์แมน 1 ราย คือ นายธีรจิตร สิทธิศุข ผู้บริหารสโมสร 1 ราย คือ นายเชิดศักดิ์ บุญชู ผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี กลุ่มนายทุนหรือตัวแทนนายทุน 4 ราย คือ 1.นายวัลลภ สมาน 2.นายกิตติภูมิ ปาภูงา 3.นายมานิตย์ หรือ เศรษฐปสิทธิ์ โกมลวัฒนะ 4.นายภาคภูมิ พันธ์นิกุล ซึ่งมีรายงานว่า ทั้งหมดมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้วและได้รับการประกันตัว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ระบุว่า คดีนี้มีผู้เกี่ยวข้อง 12 คน ซึ่งกลุ่มผู้ร่วมขบวนการมีมากกว่านี้ หากมีหลักฐานไปถึงก็จะดำเนินการต่อไป ส่วนวิธีการที่ขบวนการนี้ใช้ล้มบอลขอไม่เปิดเผย เนื่องจากจะกระทบกับการดำเนินคดี
ด้านพล.ต.อ.สมยศ เผยว่านอกจากขบวนการล้มบอลที่มีชื่อปรากฎในสื่อแล้ว ยังมีขบวนการภายนอกประเทศ เช่นในการแข่งขันซีเกมส์ที่ผ่านมาที่มีการล้มบอล ซึ่งจากการให้ปากคำของผู้เกี่ยวข้อง พบว่ามีการล็อกผลการแข่งขันคู่ไทยและกัมพูชา แต่เท่าที่ปรากฎรายชื่อยังไม่มีนักกีฬาทีมชาติ ส่วนในระดับสโมสรก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับสโมสรด้วย เพราะบางครั้งเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่สโมสรจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า การล้มบอลนั้นมีมาอย่างยาวนานแล้วแต่ไม่มีการดำเนินการ ตามคำให้การของผู้ตัดสิน มีผู้บริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในอดีตใช้อำนาจบารมี ข่มขู่หรือเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับผู้ตัดสิน เช่น ถ้าไม่ช่วยทีมนี้ก็ไม่ต้องทำหน้าที่ หรือถ้าทำหน้าที่ไม่เป็นไปตามคำสั่งก็จะถูกแบน ซึ่งตนไม่ได้พูดลอยๆ มีหลักฐานจากคำให้การของผู้ตัดสินและนักกีฬา ตำรวจบันทึกคำให้การเหล่านี้ไว้ทั้งหมด แต่จะดำเนินคดีได้หรือไม่ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวต่อว่า การแข่งขันนัดที่ผ่านๆมา มีทั้งสปอร์ตเรดาร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานจับทุจริตกีฬา รวมถึงสโมสรต่างๆ สงสัย ซึ่งสโมสรต่างๆ ก็ต้องกลับไปดูแลนักกีฬาของตนเอง
จากนั้น พล.ต.อ.สมยศระบุว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีกับนักกีฬา ผู้ตัดสิน ผู้บริหารสโมสรและนายทุนได้ ต้องดูต่อไปว่าสโมสรที่ผู้บริหารเหล่านั้นเข้าไปเกี่ยวข้องจะลงโทษแค่ไหน ซึ่งจริงๆมีกฎอยู่แล้ว แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการนำเข้ามาใช้ ระหว่างนี้สมาคมฟุตบอลฯ กำลังร่างข้อบังคับเรื่องนี้อยู่ กรณีนี้ตำรวจพยายามรวบรวมหลักฐานมาเกินครึ่งปี มีผู้ตัดสินและนักกีฬาถูกเชิญมาสอบสวนมากกว่านี้ และมีผู้ตัดสินที่ไม่สนับสนุนการทำผิดเข้ามาให้ข้อมูล แต่น้ำหนักการกระทำจะถึงขั้นสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้หรือไม่ต้องดูกันอีกครั้ง
สำหรับโทษทางคดีนั้น พล.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า ผู้ตัดสินมีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 300,000-600,000 บาท อายุความ 15 ปี ส่วนนักฟุตบอลจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 2 แสน -6 แสน อายุความ 10 ปี และนายทุน โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 2-5 แสน อายุความ 10 ปี
เมื่อถามถึงเหตุที่ทำให้ผู้ตัดสินเข้าสู่วงจรการล้มบอล พล.ต.อ.สมยศระบุว่า มีผู้ตัดสินมาระบายว่าทำหน้าที่แล้วไม่ได้รับค่าตอบแทนตรงเวลา หรือไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่กำหนดไว้ ทำให้หลงผิดตกเป็นเหยื่อของขบวนการล้มบอล ซึ่งใช้วิธีการขอร้อง ข่มขู่ หรือเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ต่างๆ เช่น จะไปอบรมหรือไปทำหน้าที่ต่างประเทศ ต้องทำตามคำสั่งก่อน ซึ่งที่ผู้ตัดสินออกมาพูดเพราะเขาเชื่อใจสมาคม และสมาคมก็ไม่ได้เข้าข้างใครเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่ากรณีนี้เรื่องต้องไปถึง AFC และฟีฟ่าแน่นอน
ส่วนการมีนักฟุตบอลร่วมขบวนการล้มบอลนั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การล้มบอลจะมีคนกลางคอยประสานงาน มีการแบ่งหน้าที่กันทำ มีการควบคุมผู้ตัดสินส่วนหนึ่ง มีการควบคุมนักกีฬาส่วนหนึ่ง เดิมก็จ้างผู้ตัดสินแจกใบเหลือง ใบแดง ให้ลูกโทษ แต่ก็ไม่แน่นอน เพราะต้องมีเหตุของการแจกใบเหลือง ใบแดง จึงต้องมีนักกีฬาร่วมด้วย เพื่อให้เกิดจังหวะของการกระทำผิดขึ้น
พล.ต.อ.สมยศสรุปปิดท้ายว่า การแก้ปัญหาครั้งนี้ที่สมาคมทำร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่เคยมีการทำมาก่อนในอดีต เปรียบเหมือนเราเป็นโรคร้าย เราต้องผ่าตัดเพื่อให้มีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป
"เรามีหลักสูตรการให้ความรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ นอกจากนั้นยังมีการอบรมเรื่องจริยธรรม การทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมอย่างสม่ำเสมอ ถามว่าทำให้หมดไปได้ไหมก็คงยากที่จะตอบ ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้อง และผลประโยชน์ บางครั้งเงินมากๆ ก็ทำให้คนใจอ่อนได้ วันนี้พยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว
วันนี้ถ้าเราไม่สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ วันหน้าจะยิ่งกว่านี้อีก ถ้ากฎหมาย ตำรวจ ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้ วันหน้าก็คงถึงกาลล่มสลายของวงการฟุตบอล" พล.ต.อ.สมยศสรุป พร้อมขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลไม่ให้มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันอีก