ฎีกายืนจำคุก 1 ปี 4 เดือนพ่อ ‘บอล สันติภาพ'  จำเลยรับของโจรคดีฆ่า 'เอกยุทธ' ส่วนจำเลยอื่นคดีสิ้นสุดตามอุทธรณ์
logo ข่าวอัพเดท

ฎีกายืนจำคุก 1 ปี 4 เดือนพ่อ ‘บอล สันติภาพ' จำเลยรับของโจรคดีฆ่า 'เอกยุทธ' ส่วนจำเลยอื่นคดีสิ้นสุดตามอุทธรณ์

11,356 ครั้ง
|
18 ต.ค. 2560
 
ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม นายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง จ.ส.อ.อิทธิพล เพ็งด้วง และนางจิตอำไพ เพ็งด้วง บิดา มารดาของนายสันติภาพ ทั้งหมดเป็นชาว จ.พัทลุง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนใช้กำลังประทุษร้ายทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายและข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมกระทำการใดฯ หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพฯ ร่วมกันปล้นทรัพย์รับของโจร และ พาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ รวมความผิด 8 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2556 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 6 - 9 มิถุนายน2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันมีอาวุธปืนพกออโต้เมติก พร้อมเครื่องกระสุนและอาวุธมีด แล้วปล้นเอาทรัพย์สินของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง รวม 9 รายการ มูลค่า 6.6 ล้านบาท โดยใช้อาวุธทำร้าย และหน่วงเหนี่ยวกักขังบังคับให้นายเอกยุทธ ออกเช็คเบิกถอนเงิน แล้วใช้เชือกรัดคอจน นายเอกยุทธ ถึงแก่ความตาย ก่อนนำศพไปไว้ในรถยนต์ตู้ ขับไปฝังไว้ใน ไร่ร้าง อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปกปิดความผิด โดยมีจำเลยที่ 3-4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดา-มารดาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บเงินสดของผู้ตาย จำนวน 4,242,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 นำไปฝากไว้ โดยจำเลยให้การปฏิเสธในการต่อสู้คดี 
 
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ให้ประหารชีวิตนายสันติภาพ หรือบอล และนายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม จำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ แต่คำให้การชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์อยู่บ้างจึงลดโทษ เหลือจำคุกตลอดชีวิต และให้จำคุกจำเลยที่ 1-2 ด้วยในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ คนละ 18 ปี และให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันชดใช้เงิน จำนวน 1.9 ล้านบาท ให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตด้วยส่วนนายชวลิต หรือเชาว์ จำเลยที่ 3 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ ให้จำคุก 13 เดือน โดยให้รวมโทษ ที่รอการลงอาญาไว้ในคดีเดิมอีก 6 เดือนด้วย รวมจำคุก 19 เดือน สำหรับนายทิวากร หรือทิว จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ จำคุก 8 เดือน 
 
ส่วน จ.ส.อ.อิทธิพล และ นางจิตอำไพ บิดา-มารดาของนายสันติภาพ จำเลยที่ 5-6 ให้ลงโทษฐานรับของโจร แต่จำเลยรับสารภาพ และช่วยติดตามนำเงินของกลางมาคืนจำนวน 4.4 ล้านบาท จึงพิพากษาให้จำคุก 1 ปี 4 เดือน ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น หลังจากนั้น จ.ส.อ.อิทธิพล จำเลยที่ 5 ยื่นฎีกาเพียงคนเดียวขอให้ศาลรอการลงโทษในวันนี้ 
 
จ.ส.อ.อิทธิพล จำเลยที่ 5 ซึ่งได้รับการประกันตัวระหว่างฎีกา เดินทางมาถึงศาล ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ที่จำเลยที่ 5 ยื่นฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่าจำเลยได้รับเงินของกลางจำนวน 4 ล้านบาท จากนางจิตอำไพ จำเลยที่ 6 ซึ่งได้รับต่อจากนายสันติภาพ จำเลยที่ 1 โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการทำผิดกฎหมาย มาแบ่งเป็น 2 ส่วน นำไปซุกซ่อนฝังดิน จำเลยที่ 5 ในฐานะบิดารู้ว่าบุตรของตนกระทำผิดกฎหมายกลับไม่ห้ามปราม และยังช่วยซุกซ่อนทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ถือว่ามีส่วนให้เกิดอาชญากรรม เป็นเรื่องร้ายแรงต่อสังคม จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ ศาลฎีกาเห็นพ้องตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยืนตามอุทธรณ์ จำคุก 1 ปี 4 เดือน หลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัว จ.ส.อ.อิทธิพล จำเลยที่ 5 นำไปคุมขังยังเรือนจำเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาต่อไป ส่วนจำเลยอื่นซึ่งไม่ยื่นฎีกาถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุด ให้บังคับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง