กรณีพายุเฮอริเคนเออร์มาจะขึ้นฝั่งฟลอริดาปลายสัปดาห์นี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กเพจ Royal Thai Embassy, Washington D.C. ประกาศภาวะฉุกเฉินพายุเฮอริเคนเออร์มา (Irma)และขอให้คนไทยในพื้นที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของทางการสหรัฐอเมริกา
ทางสถานทูตยังแนะนำให้คนไทยเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ โดยรวบรวมชุดอุปกรณ์ช่วยเหลือภัยพิบัติต่างๆ เช่น ไฟฉาย, โทรศัพท์มือถือ, แบตเตอรี่เสริม, เครื่องชาร์จแบตเตอรี่, วิทยุแบบพกพา, ชุดปฐมพยาบาล, น้ำและอาหารฉุกเฉิน, อุปกรณ์ทางการแพทย์และ อุปกรณ์เปิดกระป๋องที่ไม่ใช้ไฟฟ้า, แผนที่ทางหลวง, เอกสารสำคัญเช่นประกัน และข้อมูลทางการแพทย์ หลักฐานแสดงตนต่างๆ
ปกป้องบ้านจากภัยพิบัติเพื่อช่วยลดความเสียหาย ปิดหน้าต่างด้วยวัสดุป้องกัน พยายามตรวจสอบและเช็คอุปกรณ์ให้มีสภาพแข็งแรง ไม่เคลื่อนไหวเวลาเกิดพายุ ศึกษาแผนการอพยพและเส้นเส้นทางของพื้นที่ก่อนออกจากบ้าน เตรียมน้ำมันรถยนต์ เตรียมเงินสดสำรองเอาไว้เผื่อธนาคารปิดและตู้ ATM ไม่สามารถใช้งานได้ แจ้งครอบครัวและเพื่อนให้ทราบถึงแผนการเดินทางและจุดหมายปลายทางหากเกิดภัยพิบัติ เตรียมจุดนัดหมายและวิธีติดต่อล่วงหน้า หากครอบครัวหลงทางกันในระหว่างอพยพ สอนให้เด็กเล็กรู้วิธีติดต่อเบอร์ฉุกเฉิน 9-1-1 เดินทางอย่างระมัดระวัง และคำนึงด้วยว่าการอพยพบนท้องถนนจะใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติ
เบื้องต้นมีรายงานข่าวพายุเฮอริเคนเออร์มา (Irma) ได้ก่อตัวในคาบมหาสมุทรแอตแลนติค และพยากรณ์ว่ามีเส้นทางผ่านหมู่เกาะต่างๆ ทางตอนใต้ของสหรัฐฯ จากนั้นจะมุ่งหน้าพาดผ่านเกาะเปอร์โตริโก เฮติ คิวบา และขึ้นฝั่งที่มลรัฐฟลอริดาภายในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดย National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) รายงานว่าเฮอริเคนเออร์มามีความรุนแรงสูงสุดระดับ 5 มีความเร็วลมมากกว่า 180 ไมล์ต่อชั่วโมง และถือว่าเป็นพายุทางมหาสมุทรแอตแลนติคที่มีความอันตรายมากที่สุดในรอบทศววรษ
นายริค สกอตต์ ผู้ว่าการมลรัฐฟลอริดา ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือเฮอริเคนเออร์มาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศให้มลรัฐฟลอริดา หมู่เกาะเวอร์จิน สหรัฐฯ และเปอร์โตริโกเป็นพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อเตรียมความช่วยเหลือจากส่วนกลางเช่นกัน ล่าสุดมีการประกาศอพยพบริเวณฟลอริดา คีส์รวมถึงเขตมอนโร และเขตไมอามี เดด โดยเริ่มอพยพนักท่องเที่ยว และประชากรในพื้นที่แล้วกว่า 80,000 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม