พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกล่าวถึงการออกประกาศกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าคนเข้าเมืองและวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเป็นการสั่งยกเลิกใบ ตม.6 สำหรับผู้เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนแบบฟอร์มใหม่ไม่ใช่การยกเลิกใช้ ซึ่งแบบฟอร์มใหม่จะมีผลบังคับใช้ 1 ต.ค.นี้
โดยแนวคิดขอยกเลิกใบตม. 6 นั้นฝ่ายเศรษฐกิจเป็นผู้เสนอ เพราะเห็นว่าไม่ได้นำข้อมูลนี้ไปใช้ประโยชน์ แต่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเห็นว่ายังมีความจำเป็นต้องใช้เพื่อเก็บข้อมูลสถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งนี้ ขั้นตอนการกรอกเอกสารใหม่จะง่ายขึ้นเพื่อลดปัญหาความแออัดการที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน
ด้าน พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงแนวทางการแก้บัญหาผู้โดยสารหนาแน่ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ตามที่มีกระแสข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ถึงปัญหาผู้โดยสารหนาแน่นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใย จึงได้เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องในวันนี้ เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมได้หารือแนวทางในการแก้ไขแบบบูรณาการทั้งระบบ
ภายหลังประชุมเสร็จ ผบช.สตม.ได้เดินทางมายังท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการเร่งด่วน เบื้องต้นพบว่าในห้วงปีที่ผ่านมาท่าอากาศยานดอนเมืองมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึงระดับ 4 หมื่นคน ต่อวัน เพิ่มจากปี 2555 ถึงกว่า 400% ซึ่งเกินขีดความสามารถทั้งทางด้านกายภาพและบุคลากร ทั้งพื้นที่ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าและขาออก จำนวนช่องตรวจ และเจ้าหน้าที่ ตม. ซึ่งขยายตัวไม่ทันกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะวันที่เกิดเหตุ พบว่ามีเที่ยวบินล่าช้าสะสมกว่า 10 เที่ยวบิน ทำให้ผู้โดยสารเข้ารับการตรวจเป็นจำนวนกว่า 4,000 คนพร้อมกัน ในขณะที่พื้นที่ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้ามีพื้นที่ประมาณ 800 ตร.ม. รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 1,000 คน ทำให้มีความหนาแน่นบริเวณหน้าช่องตรวจมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก
สำหรับปัญหาดังกล่าว ในระยะสั้น สตม.ได้หารือกับท่าอากาศยานดอนเมือง โดยการท่าฯ จะเพิ่มจำนวนช่องตรวจ, จัดเจ้าหน้าที่ Outsource มาเสริมการทำงานและได้หารือแนวทางในการบริหารจัดการของ ตม.เองให้สอดคล้องกับเที่ยวบินที่เข้ามามากกว่าปกติในบางช่วงเวลา ในส่วนของ สตม.เอง ได้จัดทำแผนเผชิญเหตุ เพื่อแก้ไขปัญหาแบบเป็นขั้นตอน โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงคอยอำนวยการ ควบคุมสั่งการอย่างใกล้ชิด และได้จัดเจ้าหน้าที่จากด่านภาคพื้นดินมาเสริมกว่า 100 นาย
นอกจากนี้ สตม. ได้เสนอขออนุมัติให้ชาวต่างชาติจากบางประเทศสามารถใช้ช่องตรวจอัตโนมัติได้ เพื่อลดความหนาแน่นของผู้โดยสารชาวต่างชาติได้ในระดับหนึ่ง สำหรับในระยะยาว สตม. ได้เสนอขอเปิดรับบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 300 อัตรา เพื่อนำมาเสริมให้กับท่าอากาศยานต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
+ อ่านเพิ่มเติม