อดีตนางแบบสาว เล่าประสบการณ์ทุกข์ หลังถูกหมายศาลที่ไทยเรียกสุดงง เพราะตัวเองอยู่สิงค์โปร ก่อนมาทราบว่าเพื่อนวัยเด็กเอาชื่อไปอ้างสวมรอย ทำติดคดี 7 ข้อหา สู้คดีผ่าน ยังถูกตม.รวบคาสนามบิน สุดท้ายฟ้องค่าเสียหายหน่วยงานรัฐ 20 ล้าน
วันที่ 5 ก.ย. 66 ดรีม ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองได้ย้ายไปทำธุรกิจ และสร้างครอบครัวอยู่ที่สิงค์โปรมากว่า 10 ปีแล้ว ทว่าเมื่อปี 60 มีหมายศาลอุทธรณ์จากที่ไทยเรียกให้ตนไปพบในคดีลักทรัพย์ แต่ก็เกิดความงุนงงเพราะยังไม่เคยขึ้นศาลชั้นต้นเลย แถมตัวเองก็อยู่สิงค์โปรมานาน ไม่เคยไปก่อคดีอะไรที่ไทย จึงให้ทนายไปตรวจสอบก็พบว่ามีจริง จากนั้นไม่กี่วันก็มีหมายจับจากศาลจังหวัดธัญบุรี เขียนใส่กระดาษมาหาตนด้วย แต่ก็มาทราบภายหลังว่าเป็นข้อความจากนายหน้าประกัน อยากให้ตนกลับไปขึ้นศาลเพื่อที่เขาจะได้เงินประกันคืน
ซึ่ง ที่เรื่องเป็นแบบนี้ มาจากเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 59 น.ส.วิลาวัลย์ ถูกเจ้าหน้าที่ สน.มีนบุรี จับในข้อหาลักทรัพย์ แต่น.ส.วิลาวัลย์ แจ้งชื่อ พุทธชาติ เพิ่มพูล ซึ่งเป็นชื่อของตนไป พร้อมอ้างว่าทำบัตรประชาชนหาย ซึ่งตำรวจก็เชื่อ มีการคัดทะเบียนราษฎร์ของตนออกมาให้ น.ส.วิลาวัลย์ เซ็นรับผิด ก่อนจะฝากขังเป็นชื่อตนในเวลาต่อมา จากนั้นน.ส.วิลาวัลย์ ก็กู้เงินประกันจากนายหน้าประกัน โดยอ้างชื่อเป็นตนอีกเช่นกัน แล้วก็หนีหายนายหน้าประกัน จนนายหน้าประกันตามสืบว่าแท้จริงแล้ว เรื่องทั้งหมดเป็นการจับผิดตัว
ทั้งนี้ตนได้รับผลกระทบหนักมาก ตนเข้าประเทศไม่ได้เลยกว่า 1 ปี ถ้ากลับมาก็จะถูกจับดำเนินคดี อีกทั้งมีประวัติ มีคดีติดตัว ธุรกิจเสียหาย กลับมาถ่ายแบบก็ไม่ได้ ต้องสู้คดีกว่า 6 ปี กว่าจะเคลียร์หมายจับได้ แต่ก็ไม่วายตอนกลับเข้าประเทศ ก็โดน ตม. รวบ เพราะยังมีชื่อติดคดีอยู่แม้จะเคลียร์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้วก็ตาม แถมยังเคยโดนจับตัวที่สนามบินต่อหน้าลูกอีกด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่าชื่อตนเองยังมีความผิดอีก 7 คดี มีทั้งคดีเกี่ยวกับการพนันและคดีอื่น ๆ ซึ่งมันเสียหายอย่างมาก ตนจึงตัดสินใจฟ้องร้องหน่วยงานรัฐ จนศาลชั้นต้นตัดสินให้หน่วยงานรัฐชดใช้เงินค่าเสียหายตน 20 ล้านบาท
ด้าน ปิยพล บุญมี ทนายความ เล่าต่อว่า คดีนี้ตนได้เข้าไปเคลียร์ทั้งที่ศาลจังมีนบุรี และศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งได้มีการไต่สวน น.ส.วิลาวัลย์ และเขาก็ได้รับสารภาพว่าปลอมแปลงจริง ศาลจึงได้ออกใบเพิกถอนหมายจับให้ อีกทั้งตำรวจที่ทำคดีก็มาให้การว่า มาทราบภายหลังว่าลายนิ้วมือของ น.ส.วิลาวัลย์ ที่จับตัวไป ไม่ใช่ พุทธชาติ เพิ่มพูล แต่เขาก็ไม่ดำเนินการใด ๆ ต่อ ปล่อยเลยตามเลย
สำหรับผลกระทบอื่น ๆ พุทธชาติ เพิ่มพูล ยังมีคดีติดตัวอีกกว่า 7 คดีติดตัว แต่ที่เจ็บปวดที่สุดคือ ตำรวจบอกว่า เป็นหน้าที่ของเราต้องไปดำเนินการเอง นอกจากนี้เขายังไม่สามารถขอสัญชาติสิงค์โปรได้อีกด้วยเพราะเรื่องคดีติดตัว จึงได้ตัดสินใจฟ้องร้องหน่วยงานรัฐ จนศาลชั้นต้นตัดสินให้ชดใช้เป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท แต่ตอนนี้เขายื่นอุทธรณ์สู้คดีอยู่
ฟาก ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เคสนี้เป็นการประมาทเลินเล่อของหน่วยงานรัฐ น.ส.วิลาวัลย์ อ้างชื่อเป็น พุทธชาติ เพิ่มพูล โดยที่บัตรก็ไม่มี เจ้าหน้าที่เองก็ไม่ตรวจเรื่องนี้ตำรวจต้องรีบเร่งแก้ไขไม่ใช่ให้ประชาชนดำเนินการเอง ถ้าเรื่องนี้ไปเกิดกับคนที่เขาไม่มีเงินไปจ้างทนายสู้คดี จะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่หน่วยงานรัฐสู้คดีกลับ ตนมองว่ามันประหลาดมาก หน่วยงานรัฐควรช่วยเหลือเขา ทั้งนี้ตนได้เร่งรัดไปที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร ให้ลบประวัตคดีของ พุทธชาติ เพิ่มพูล ออก เชื่อว่าในเวลาอันรวดเร็วเขาจะลบ
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35