ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เรียกเจ้าของรถตู้โดยสารรับจ้าง ที่รับจ้างนำมวลชนไปให้กำลังใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการอ่านสรุปสำนวนคดีรับจำนำข้าว เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาใช้รถในการขนส่งออกนอกเส้นทาง
เจ้าของรถตู้โดยสารรับจ้าง 6 คัน จากที่ถูกออกหมายเรียก 21 คัน เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานใช้รถผิดประเภทและใช้รถในการขนส่งออกนอกเส้นทางตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก จากกรณีที่เจ้าของรถตู้ดังกล่าว รับจ้างนำมวลชนไปให้กำลังใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ในการอ่านสรุปสำนวนคดีรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา
นายธนเศรษฐ์ การลพ ผู้เช่ารถตู้รายหนึ่งเปิดเผยว่า ทำอาชีพขับรถรับจ้างไม่ประจำทางได้ 3-4 เดือน โดยในวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับจ้างพาผู้โดยสารไปส่งที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ในราคาเหมาคัน 3,000 บาท ซึ่งเป็นเรทราคาปกติ ไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนที่ถูกแจ้งข้อหาในวันนี้ ก็พร้อมนำหลักฐานเข้าชี้แจงว่า ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง
ด้านนายชนกันต์ พร้อมมูล นายกสมาคมรถตู้วีไอพีแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบรถตู้ทั้ง 21 คัน พบว่ามี 5 คันที่เป็นรถตู้รับจ้างประจำทาง ซึ่งบางส่วนทราบว่ามีการทำหนังสือขอวิ่งออกนอกเส้นทางถูกต้อง ส่วนที่เหลืออีกกว่า 10 คัน เป็นรถตู้รับจ้างไม่ประจำทาง ซึ่งส่วนใหญ่มีใบอนุญาตประกอบการถูกต้อง และได้เตรียมเอกสารมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าในวันนี้อาจมาพบพนักงานสอบสวนไม่ครบ เนื่องจากบางคนติดธุระรับจ้าง บางคนกลัวถูกดำเนินคดี ซึ่งอาจเลื่อนขอเข้าพบตำรวจในภายหลัง แต่อย่างไรก็ตาม อยากร้องขอความเห็นใจว่า การรับจ้างรถเหมาคัน ไม่สามารถเลือกรับลูกค้าได้
ขณะที่พันตำรวจโทสุบรรณ์ อธิเศรษฐ์ รองผู้กำกับการ สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า เบื้องต้นวันนี้มีคนขับและเจ้าของรถตู้นำหลักฐานมาเข้าให้ปากคำและรับทราบข้อหาประมาณ 10 คน โดยรถตู้รับจ้างประจำทาง เบื้องต้นจะพิจารณาแจ้งข้อหาใช้รถในการขนส่งออกนอกเส้นทาง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หลังสอบถามกรมการขนส่งทางบกได้รับคำยืนยันว่า แม้จะมีการขอใบอนุญาตขับออกนอกเส้นทางได้ แต่ต้องไม่ใช่การไปรับว่าจ้าง ส่วนกรณีของรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ได้แจ้งข้อหากระทำผิดเงื่อนไขสัญญาจ้าง ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท หลังพบว่าส่วนใหญ่ไม่มีการทำหนังสือสัญญาจ้าง ซึ่งถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.การขนส่งทางบก นอกจากนี้ยังได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสภาพรถ เพื่อดูว่ามีการสวมทะเบียน หรือ ดัดแปลงสภาพรถหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามี 1 คัน ที่มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ และยังไม่แจ้งกรมการขนส่งทางบก ซึ่งต้องถูกดำเนินคดีในความผิดนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ถูกออกหมายเรียกและยังไม่มาพบในวันนี้ เบื้องต้นมีบางรายได้โทรศัพท์มาแจ้งแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำหนังสือตอบกลับมาอย่างเป็นทางการ ในวันพรุ่งนี้จะพิจารณาส่งหมายเรียกผู้ที่ยังไม่มาเข้าพบดังกล่าว ให้มาเข้าพบเป็นครั้งที่ 2 ตามวันเวลาที่กำหนด ไม่เกิน 5-7 วันหลังจากนี้ และหากว่ายังไม่มาพบอีก ก็จะพิจารณาออกหมายจับต่อไป อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีการนัดฟังคำพิพากษาในคดีจำนำข้าว วันที่ 25 สิงหาคมนี้ หากมีรถตู้ที่รับว่าจ้างนำมวลชนมาส่ง ก็จำเป็นต้องพิจารณาตรวจสอบการรับจ้างในลักษณะนี้อีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้องย้อนหลัง
+ อ่านเพิ่มเติม