นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้นการแถลงปิดคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว โดยได้ทักทายกับผู้ที่มาให้กำลังใจก่อนเดินทางกลับ แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
สรุป 6 ประเด็นที่น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดีต่อศาลวันนี้ ดังต่อไปนี้
ประเด็นแรก คือ กระบวนการไต่สวนในชั้น ป.ป.ช. และการฟ้องของอัยการ เร่งรีบไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังมีการนำเอกสารหลักฐานอื่นที่อยู่นอกเหนือจากสำนวน ป.ป.ช. เช่น การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ มาฟ้องเพิ่ม
ประเด็นที่ 2 นโยบายรับจำนำข้าวที่กำหนดราคาสูงกว่าราคาตลาด แต่ขายต่ำกว่าราคาตลาด ก็เพื่อให้ราคาข้าวในตลาดสูงขึ้นเป็นประโยชน์กับชาวนา
ประเด็นที่ 3 คือ นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจยับยั้งโครงการตามอำเภอใจ เนื่องจากการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เพราะเกี่ยวข้องกับกระทรวงและรัฐวิสาหกิจหลายหน่วย นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่แค่กับกำดูแล ไม่สามารถสั่งการโดยลำพังได้
ประเด็นที่ 4 การไม่ระงับยับยั้งโครงการเพราะไม่กระทบหนี้สาธารณะ และไม่เสียวินัยการเงินการคลังของประเทศ แต่ละหน่วยที่เกี่ยวข้องไม่เคยมีข้อทวงติง หรือเสนอให้ระงับโครงการ และนโยบายรับจำนำข้าวไม่ได้มุ่งหวังในเชิงพาณิชย์เพื่อมาคิดกำไร-ขาดทุนกับชาวนา
ประเด็นที่ 5 ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะ ป.ป.ช. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ทำหนังสือทวงติงมาจริง ซึ่งครม.ก็ได้แต่งตั้งให้ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธานตรวจสอบการทุจริต และสั่งกระทรวงกลาโหม สกัดการนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์
และประเด็นที่ 6 ไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เพราะ ครม.ให้อำนาจกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าต่างประเทศดำเนินการโดยตรง โดยออกข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดชัดเจน จนกระทั่งมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีก็ได้เข้าไปตรวจสอบความโปร่งใสอีกรอบ
ซึ่งในการสรุปช่วงท้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น สั่นเครือ ขอให้ศาลพิจารณาคดีนี้ในมุมของฝ่ายนโยบายไม่ใช่ฝ่ายปฏิบัติ เนื่องจากตัวเองเกิดในต่างจังหวัด และได้สัมผัสกับความเดือดร้อนของชาวนามาตลอด
หลังแถลงปิดคดีเสร็จ ศาลมีคำสั่งไม่ส่งคำโต้แย้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เรื่องการใช้เอกสารหลักฐานเพิ่มเติมนอกเหนือจากสำนวนของ ป.ป.ช. เนื่องจากอำนาจการพิจารณาคำเป็นของศาลยุติธรรม จึงนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. ตามเดิม
ทั้งนี้ สำหรับการอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. ศาลฎีกาจะประชุมภายใน ก่อนหารือกับฝ่ายความมั่นคง ในวันที่ 8 ส.ค.นี้ เพื่อกำหนดรูปแบบการอ่านคำพิพากษา และการทำข่าวของสื่อมวลชนอีกครั้ง
+ อ่านเพิ่มเติม