เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย ผกก.สภ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ตำรวจได้ขออำนาจศาลฝากขัง น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว อายุ 22 ปี, น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิน อายุ 25 ปี และ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม เป็นผัดที่ 5 ซึ่งทั้ง 3 คน ครบกำหนดฝากขังเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ในข้อกล่าวหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดย เจตนา,ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายและทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุการณ์ตาย ปล้นทรัพย์ และรับของโจร และการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยเตรียมการและไตร่ตรองไว้ก่อน
พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า ในการฝากขังผัดที่ 5 พนักงานสอบสวนยังคงคัดค้านการประกันตัว 4 คน ส่วนนางสาวจิดารัตน์ พรมคุณ ไม่ได้คัดค้านการประกันตัวเช่นเดิม ส่วนการต่อสู้คดีของผู้ต้องหานั้น เป็นสิทธิ์ที่สามารถจะทำได้ ซึ่งทั้งหมดว่ากันตามกระบวนการของกฎหมายและพยาน หลักฐาน ในส่วนของสำนวนคดีดังกล่าวนั้น ตอนนี้ยังไม่สรุปส่งให้อัยการ น่าจะสรุปได้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้หรือในช่วงผัดที่ 6-7 นี้เช่นกัน
ต่อมา เวลา 13.00 น. นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ประธานที่ปรึกษาสภาทนายความจังหวัดขอนแก่น ในฐานะทนายความ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ สัตยบัญฑิต อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นพ่อของของ น.ส.อภิวันทน์ หรือแจ้ เข้าเยี่ยมลูกสาวที่ถูกคุมขังในเรือนจำ
โดยนายบุญยง ทนายความ เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมว่า ได้รับการติดต่อจากทางพ่อของผู้ต้องหาให้เป็นทนายความต่อสู้คดีให้ จึงเดินทางเข้าเยี่ยม น.ส.แจ้เป็นครั้งแรก จากการพูดคุยทำให้ทราบว่าข้อมูลไม่ตรงกับที่เป็นข่าว เพราะ น.ส.แจ้ไม่รู้จักกับคนตาย และไม่มีเรื่องโกรธแค้นที่จะต้องฆ่า แต่ที่ร่วมอยู่ในรถคันเดียวกัน เพราะ น.ส.เปรี้ยว ชวนขึ้นรถเพื่อจะไปส่งที่บ้านพัก จึงขึ้นไปนั่งเบาะนั่งด้านหลังและก็หลับไป มารู้ตัวอีกครั้งตอนที่เสียงของ น.ส.เปรี้ยวร้อง ก่อนแน่นิ่งและไม่มีลมหายใจแล้ว จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร
ส่วนเหตุการณ์ที่รีสอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่หั่นศพผู้ตายนั้น ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวที่เป็นคนขับ ขับรถไปตามคำสั่งของน.ส.เปรี้ยว ส่วน น.ส.แจ้นั่งในรถ รถขับไปที่ใดก็ติดรถไปด้วย การลงมือทุกขั้นตอน น.ส.เปรี้ยวเป็นคนทำทั้งนั้น ส่วน น.ส.แจ้ แค่ร่วมในเหตุการณ์แต่ไม่ได้ลงมือฆ่าคนตาย ดังนั้นหลังเข้าเยี่ยมและพูดคุยกับ น.ส.แจ้ ทำให้รู้ความจริงและรู้ช่องทางในการต่อสู้คดี โดยฝ่ายตนไม่ได้ว่า น.ส.แจ้ บริสุทธิ์ แต่ต้องสู้เพื่อให้โทษหนักเป็นเบา เพราะ น.ส.แจ้ ไม่ได้ลงมือฆ่า ไม่ได้ลงมือหั่นศพ คิดว่าจะต้องแก้ต่างและต่อสู้ในบางข้อหาได้ เช่นข้อหา ฆ่าโดยไตร่ตรอง ในข้อหานี้ เชื่อว่า น.ส.แจ้จะรอด เพราะไม่มีความโกรธแค้นที่จะต้องวางแผนหรือร่วมฆ่าคนตาย
ด้าน นายสมศักดิ์ พ่อของ น.ส.แจ้ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องของลูกสาวว่าร่วมกันฆ่าคนตาย กระทั่งถูกจับเข้าคุก ทางครอบครัวก็เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจลูกสาวมาตลอดทุกสัปดาห์ และไม่เชื่อว่าลูกสาวจะลงมือฆ่าคนได้ จึงพยายามหาทางช่วยลูกจากหนักเป็นเบา ให้มีโทษน้อยที่สุด เพราะลูกสาวยืนยันว่าไม่ได้ฆ่าและไม่มีเรื่องจำเป็นต้องฆ่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเรื่องของ น.ส.เปรี้ยวกับ น.ส.แอ๋ม ผู้ตายเท่านั้ นและ น.ส.เปรี้ยวก็เป็นคนฆ่าหั่นศพ น.ส.แอ๋ม ซึ่งตนหาทางช่วยเหลือลูกสาวมาตลอด เพราะเชื่อในความจริงว่าลูกสาวไม่ได้ลงมือฆ่าใคร จึงได้หารือกับญาติพี่น้อง และเข้าเยี่ยมลูกสาว ให้มีการแต่งตั้งนายบุญยง เป็นทนายความต่อสู้คดีให้ และเชื่อว่า ความยุติธรรมยังมีอยู่ นอกจากนี้ความเป็นอยู่ของแจ้ในเรือนจำจากที่มีการพูดคุยกันขณะเข้าเยี่ยม ก็พบว่าแจ้เครียดเล็กน้อย อยากกินไอศกรีม แต่โดยรวมสามารถปรับตัวได้แล้ว
+ อ่านเพิ่มเติม