ทางการเมียนมาปฏิเสธที่จะให้คณะเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ (UN) เข้ามาสอบสวนกรณีข้อกล่าวหาชาวมุสลิมโรฮิงญาถูกฆ่า ข่มขืน และทรมานโดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคง โดยนายคยอ เซยา เลขาธิการถาวรของกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาระบุว่าจะไม่มีการออกวีซ่าเข้าเมืองให้กับเจ้าหน้าที่สอบสวน
"ถ้าพวกเขา (สหประชาชาติ) ส่งใครเพื่อมาทำภารกิจค้นหาความจริงละก็ เราไม่มีเหตุผลที่จะให้เขามา" นายคยอกล่าว
ความพยายามสอบสวนในครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากปีที่แล้วกลุ่มกบฎชาวโรฮิงญาก่อเหตุโจมตีและสังหารตำรวจชายแดนของเมียนมาไป 9 นาย ทำให้ทหารเมียนมาออกปฏิบัติการตอบโต้ ซึ่งตามรายงานของสหประชาชาติที่อ้างคำสัมภาษณ์ผู้อพยพชาวโรฮิงญา อ้างว่าการปฏิบัติการตอบโต้ดังกล่าวรวมถึงการสังหารหมู่และข่มขืนหมู่ต่อผู้อพยพชาวโรฮิงญา
รายงานดังกล่าวยังระบุว่ามีความเป็นไปได้มากที่การตอบโต้ดังกล่าวจะเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สำนักข่าวรอยเตอร์สชี้ว่ามีผู้อพยพชาวโรฮิงญาลี้ภัยไปอยู่บังคลาเทศกว่า 75,000 คนหลังเหตุการณ์ดังกล่าว
กระทรวงการต่างประเทศของเมียนมามีนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ เป็นรัฐมนตรีประจำกระทรวง แม้ว่าเธอจะไม่ได้กำกับกิจการทหาร แต่เธอก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่สามารถต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวมุสลิมโรฮิงญากว่า 1 ล้านคน ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมาได้
และก่อนหน้านี้นางซูจีระบุระหว่างการเยือนสวีเดนในเดือนนี้ว่า ภารกิจดังกล่าวของสหประชาชาติ จะยิ่ง "สร้างความเป็นปรปักษ์" ระหว่างกลุ่มคนที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้คนส่วนใหญ่ในรัฐยะไข่คือชาวพุทธ และชาวพุทธนั้นเป็นประชากรส่วนใหญ่ในเมียนมา ส่วนชาวโรฮิงญาอยู่ในฐานะผู้อพยพผิดกฎหมาย
+ อ่านเพิ่มเติม