ที่ปรึกษาเกี่ยวกับงานด้านเอชไอวีและเอดส์ 6 คนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขอลาออก พร้อมร่อนแถลงการณ์ระบุเหตุผลว่าไม่สามารถทำงานภายใต้ประธานาธิบดีที่ "ไม่แคร์เกี่ยวกับปัญหาเอชไอวีและเอดส์" ได้
คณะกรรมการที่ปรึกษาดังกล่าวมีหน้าที่ในการให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ประธานาธิบดีในการดูแลกลยุทธ์ด้านการต่อสู้กับโรคเอดส์และเอชไอวี ซึ่งข้อมูลในเว็บไซต์ทางการระบุว่าคณะกรรมการที่ปรึกษาดังกล่าวปัจจุบัน (รวมผู้ที่ขอลาออก) มีทั้งสิ้น 18 คน
ในคำแถลงขอลาออกที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Newsweek ระบุว่า การบริหารของทรัมป์ขาดยุทธศาสตร์ในการจัดการกับปัญหาการแพร่กระจายของโรคเอดส์ ไม่พยายามหาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญในการออกนโยบายด้านเอชไอวี และสิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือการผลักดันให้ออกกฎหมายที่จะส่งผลเสียต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี ตลอดจนระงับยับยั้งหรือกลับทิศทางเกี่ยวกับผลประโยชน์ต่างๆ ที่สำคัญที่ใช้ต่อสู้กับโรคนี้
"ในขณะที่สมาชิกจำนวนมากในสังคมไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่สำคัญจากการที่เอชไอวีและเอดส์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในหลายชุมชน หรือความจริงที่ว่ามีผู้ที่ใช้ชีวิตกับเชื้อ HIV ในสหรัฐอเมริกาเพียง 40% เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงยาช่วยชีวิต ซึ่งมีมานานกว่า 20 ปีได้ มันจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะไม่ตระหนักถึงความจริงเหล่านี้ และจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการต่อสู้กับโรคและสาเหตุของโรค ตลอดจนออกนโยบายและสนับสนุนการออกกฎหมาย ซึ่งจะกลับทิศทางของผลประโยชน์ที่ใช้ต่อสู้กับโรคนี้" แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ "กฎหมาย" ที่แถลงการณ์ดังกล่าวระบุนั้นหมายถึงกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือ "American Health Care Act" ที่มาแทนที่ "โอบามาแคร์" หรือกฎหมายประกันสุขภาพฉบับเดิม โดยกฎหมายฉบับเดิมระบุให้ชาวอเมริกันทุกคนต้องมีประกันสุขภาพโดยทัดเทียมไม่ว่าจะมีโรคหรือไม่ มิฉะนั้นก็ต้องเสียค่าปรับ แต่กฎหมายฉบับใหม่จะยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งแถลงการณ์ชี้ว่าจะทำให้ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีไม่สามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้ง่ายๆ เนื่องจากข้อยกเว้นการรับทำประกัน หรือไม่ก็มีค่าใช้จ่ายในการทำประกันที่สูงขึ้นภายใต้ความคุ้มครองที่ต่ำลง
นอกจากนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวยังเปิดเผยข้อมูลว่า การขาดความเข้าใจและใส่ใจของนายทรัมป์ต่อปัญหาเอชไอวีและเอดส์ สามารถเห็นได้ตั้งแต่เขายังเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี โดยขณะที่นางฮิลลารี คลินตัน และนายเบอร์นี แซนเดอร์ส คู่แข่งของทรัมป์ต่างได้พบกับคณะกรรมการที่ปรึกษาชุดดังกล่าว แต่นายทรัมป์ปฏิเสธที่จะเข้าพบ และนอกจากนี้ทรัมป์ยังไม่ได้แต่งตั้งใครเป็นหัวหน้าสำนักงานนโยบายเอดส์ระดับชาติ ตลอดจนมีการยุติการเผยแพร่เว็บไซต์ของสำนักงานดังกล่าวด้วย
แถลงการณ์ดังกล่าวยังมีคำลงท้ายเป็นการแสดงความไม่เชื่อมั่นว่า การบริหารของนายทรัมป์จะกลับมาสนใจรับฟังเรื่องราวจากคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเอชไอวีและเอดส์ จึงทำให้พวกเขาตัดสินใจลาออก และระบุว่าหากการบริหารยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้ที่ลาออกไปจะทำงานเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงและประท้วงนโยบายที่จะกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่ออยู่ข้างนอก
"เราหวังว่าสมาชิกสภาคองเกรสที่มีพลังขับเคลื่อนการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ จะทำงานร่วมกับพวกเราและผู้สนับสนุนกลุ่มอื่นๆ ในวิถีทางที่การบริหารของทรัมป์จะไม่ทำเช่นนั้น" แถลงการณ์ลงท้าย
ขณะนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากทำเนียบขาว หรือจากนายทรัมป์ต่อการลาออกและแถลงการณ์ดังกล่าว
+ อ่านเพิ่มเติม