ตำรวจกองปราบฯ รวบ 'บอย ยูนิตี้ ' กลางถนนนครไชยศรี หลังยื่นฟ้องอธิบดีดีเอสไอฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบ เผยมีหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชน
logo ข่าวอัพเดท

ตำรวจกองปราบฯ รวบ 'บอย ยูนิตี้ ' กลางถนนนครไชยศรี หลังยื่นฟ้องอธิบดีดีเอสไอฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบ เผยมีหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชน

4,497 ครั้ง
|
14 มิ.ย. 2560
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือ "บอย ยูนิตี้" กรรมการบริษัทเอสทีที ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ได้เดินทางมายังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อนำหลักฐานยื่นฟ้องพันตำรวจเอกไพสิษฐ์ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กับพวกซึ่งเป็นรองอธิบดี และพนักงานสอบสวน รวม 12 คน ฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบ /บุกรุก / และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อศาล กรณีดีเอสไอสั่งปิดโชว์รูมรถยนต์ 2 แห่งและนำกำลังเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 24 24 พ.ค. พร้อมอายัดรถยนต์หรูรวม 34 คัน โดยกล่าวหาว่ามีรถภายในโชว์รูมบางส่วนถูกโจรกรรมมาจากประเทศอังกฤษ และมีการแจ้งสำแดงเท็จ ซึ่งศาลได้นัดฟังคำสั่งช่วงบ่ายวันที่ 27 มิ.ย.นี้ โดยมีการฟ้องแพ่งดีเอสไอฐานละเมิดปิดโชว์รูมไม่สามารถประกอบธุรกิจได้เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท
 
     จากนั้น นายอินทระศักดิ์ ได้ขึ้นรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำ ป้ายแดง ออกจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จากนั้นได้มีรถกระบะ และรถจักรยานยนต์ ขับติดตามออกไปก่อนสกัดรถยนต์ของนายอินทระศักดิ์ บริเวณถนนนครไชยศรีและควบคุมตัวขึ้นรถ ซึ่งผู้ติดตามนายอินทระศักดิ์ ระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ก่อนนำตัวไปยังกองบังคับการปราบปราม 
 
    ด้านนายอินทระศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจ และไม่เข้าใจที่ถูกจับแบบไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งเห็นว่าตำรวจสามารถออกหมายเรียกก่อนได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวยังไม่ทราบรายละเอียดการจับกุม แต่ยินดีให้ความร่วมมือกับทางตำรวจ
 
    ขณะที่เจ้าหน้าที่กองปราบปรามได้ตรวจค้นรถยนต์และอายัดรถของนายนายอินทระศักดิ์เพื่อเก็บไว้เป็นพยานหลักฐาน เบื้องต้นพบป้ายทะเบียนรถยนต์ และ เอกสารการเสียภาษีรถที่นายอินทระศักดิ์เคยนำเสนอต่อสื่อมวลชน ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่จะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน
 
     ด้านพันตำรวจเอกจิรภพ ภูริเดช รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2560 มีผู้เสียหาย 5 - 6 คน เข้าแจ้งความว่าได้ซื้อรถยนต์หรูมูลค่าตั้งแต่ 8 -30 ล้านบาท จากบริษัทในกลุ่มของนายอินทระศักดิ์ แล้วเกิดปัญหาถูกกรมศุลกากร และตำรวจจับจึงได้รวบรวมหลักฐานในส่วนของผู้เสียหายที่ซื้อรถยนต์พอร์ช ราคา 8 ล้านบาท จนมีหลักฐานชัดเจน จึงขอศาลออกหมายจับข้อหาฉ้อโกงประชาชนเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. และได้นำกำลังเข้าจับกุมวันนี้ พร้อมเตรียมแจ้งข้อหาอีกคดีที่ผู้เสียหายซื้อลัมโบกินี่ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท แล้วเกิดปัญหาภายหลังเช่นกัน
 
     ส่วนการออกหมายจับและนำกำลังจับกุมโดยไม่ออกหมายเรียก รองผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า เนื่องจากคดีมีอัตราโทษเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนสามารถออกหมายจับหรือออกหมายเรียกได้ แต่ตำรวจใช้แนวทางการออกหมายจับและจับกุมทันทีเนื่องจากพยานหลักฐานชัดเจน 
 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง