นายออตโต วอร์มเบียร์ นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ชาวเมืองซินซินเนติ ในรัฐโอไฮโอ ที่ถูกทางการเกาหลีเหนือจับกุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2559 ที่สนามบินในกรุงเปียงยาง ได้รับการปล่อยตัวกลับสู่สหรัฐฯ แล้ว ภายใต้ภาวะโคม่าจากโรคโบทูลิซึม หรือระบบประสาทผิดปกติเฉียบพลันอันเกิดจากการได้รับพิษจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง
นายออตโตถูกจับด้วยข้อหาพยายามขโมยป้ายที่มีสัญลักษณ์ทางการเมืองซึ่งแขวนอยู่ในโรงแรมในกรุงเปียงยาง และถูกตัดสินให้รับโทษใช้แรงงานหนัก 15 ปีตั้งแต่เดือนมีนาคม 2559 แต่สุดท้ายเขาถูกกักตัวในเกาหลีเหนือเพียง 17 เดือน
สำนักข่าวทั่วโลกต่างจับตามองไปที่การเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือของนายเดนนิส รอดแมน อดีตนักบาสเกตบอลชื่อดังในการแข่งขันบาสเกตบอล NBA ซึ่งเดินทางไปยังเกาหลีเหนือเมื่อวันอังคาร และหลังนายรอดแมนถึงเกาหลีเหนือไม่กี่ชั่วโมง ก็มีข่าวการปล่อยตัวนายออตโตตามมา นายรอดแมนนั้นถือเป็นเพื่อนของนายคิม จอง จึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และมีการเดินทางเข้าออกเกาหลีเหนือหลายครั้ง มีการคาดการณ์กันว่าเขาอาจจะเข้าไปเจรจาเรื่องการปล่อยตัวชาวอเมริกันที่ถูกคุมขังอยู่ในเกาหลีเหนือ แต่นายรอดแมนระบุกับผู้สื่อข่าวเพียงว่า เขามาเกาหลีเหนือด้วยจุดประสงค์เพื่อหาช่องทางในการนำกีฬาเข้าไปในเกาหลีเหนือเท่านั้น ถึงกระนั้นรอดแมนก็ยังกล่าวต่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์น่าจะมีความสุขกับสิ่งที่เขากำลังทำให้สำเร็จ และเป็นสิ่งที่ทั้งเขาและทรัมป์ต้องการ
อนึ่ง สำนักข่าว RT ของรัสเซียรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หลังคำตัดสินลงโทษ ทางการเกาหลีเหนือไม่ได้มีการเปิดเผยความเป็นอยู่ของนายออตโตหรือติดต่อใดๆกับทางการสหรัฐฯ จนกระทั่งตัวแทนทางการเกาหลีเหนือติดต่อกับสหรัฐฯ ช่วงต้นเดือนมิถุนายน ว่าออตโตอยู่ในภาวะโคมา ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ตัดสินใจใช้ความพยายามเจรจาให้มีการส่งตัวนายออตโตกลับสหรัฐฯ
ด้านนายเฟรดและนางซินดี้ ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของนายออตโต กล่าวว่าพวกเขาเพิ่งทราบเรื่องอาการโคม่าของลูกชายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่ลูกชายของเขาประสบภาวะโรคดังกล่าวมานานแล้ว และพวกเขาต้องการให้โลกรับรู้ว่าลูกชายของพวกเขาถูกกระทำทารุณและถูกคุกคามจากระบอบเผด็จการในเกาหลีเหนือมากเพียงใด
ส่วนนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯระบุเพียงว่า นายออตโตอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อกลับมาพบครอบครัวอีกครั้ง และไม่ได้ให้ความเห็นใดๆเพิ่มเติม เพื่อเคารพความเป็นส่วนตัวของครอบครัว
(ภาพจาก : CNN)
+ อ่านเพิ่มเติม