ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม สนช. มีมติเอกฉันท์ รับหลักการวาระแรก ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 วงเงิน 2.9ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเห็นด้วย 219 เสียงงดออกเสียง 3 เสียง ไม่มีไม่เห็นด้วย ใช้เวลาพิจารณากว่า 8 ชั่วโมง
โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการใช้จ่ายงบประมาณของทุกหน่วยงาน ต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด งบจัดซื้อสิ่งของเท่าที่จำเป็น หากสิ่งใดใช้ไม่ได้แล้วต้องเลิกใช้ ต้องปลดล็อคให้หมดทุกกระทรวง เช่นกระทรวงกลาโหมควรไปวิจัยเรื่องการทำเรือดำน้ำ ให้งบประมาณกองทุนต่างๆไปพัฒนาการวิจัยให้เกิดประสิทธิภาพ
ส่วนเรื่องการสร้างรถไฟฟ้าเห็นว่ามีความสำคัญ เพราะวันนี้จีนสร้างเชื่อมโยงกับหลายประเทศแล้ว สปป.ลาวก็สร้างแล้ว แต่ไทยช้ามา 3 ปี ติดขัดปัญหาหลายอย่าง ขอให้คำนึงว่า รถไฟมีทั้งขาไปและขากลับ ไม่ได้ขนของมาขายในประเทศอย่างเดียวแต่เราก็ได้ส่งออกด้วย จึงอยากขอให้ สนช.มองเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย และสนับสนุนให้ช่วยผ่านกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เริ่มดำเนินการได้ในปีนี้ และ หากตนยังอยู่ในตำแหน่งการจัดทำงบประมาณปีหน้าจะต้องเข้มข้นกว่านี้ ด้วย
ขณะที่สมาชิก สนข. ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน แต่แสดงความเป็นห่วงกระทรวงที่ได้รับงบประมาณน้อย ไม่คุ้มค่าและไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน สมาชิกส่วนใหญ่จึงเสนอให้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พร้อมเสนอปรับระบบจัดเก็บภาษี โดยเฉพาะภาคธุรกิจใหญ่ๆ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจการท่องเที่ยว รวมถึงสวัสดิการผู้สูงอายุ เป็นต้น
ด้าน พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร สมาชิก สนช. แสดงความเป็นห่วงหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น และขอให้รัฐบาลชี้แจงว่า หนี้สาธารณะของปีนี้เพิ่มจากปีที่แล้วอย่างไร และมีอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรมเชิงประจักษ์ว่า มีโครงการใดในช่วง 1 ปี 6 เดือน ที่มีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น
สำหรับการชี้แจงของ รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆซึ่งในส่วนของกระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณ 2.2 แสนล้านบาท พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า จะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าให้มีประสิทธิภาพ จะจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพตามความจำเป็น
จากนั้น ที่ประชุม สนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 วาระแรก ด้วยคะแนน 216 เสียง งดออกเสียง 3 เสียงตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว 50 คน กรอบเวลาดำเนินงาน 90 วัน แปรญัตติ 15 วัน
อย่างไรก็ตาม การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 นี้ ลดลงจากงบประมาณปี 2560 จำนวน 2.3 หมื่นล้านบาท และตั้งเป็นงบขาดดุล 4.5 แสนล้านบาท โดยเป็นการจัดสรรตามยุทธศาสตร์ที่สำคัญ 6 ยุทธศาสตร์ 56 แผนงาน เช่น ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง จำนวน 2.7 แสนล้านบาท ,ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ จำนวน 3.3 แสนล้านบาท และยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการน้ำ จำนวน 1.2 แสนล้านบาท
สำหรับหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ 5.1แสนล้านบาท / งบกลาง 3.9 แสนล้านบาท / กระทรวงมหาดไทย 3.5 แสนล้านบาท / กระทรวงการคลัง 2.3 แสนล้านบาท / และที่ถูกจับตาคือ กระทรวงกลาโหม 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว