พี่สาว  เผยเปรี้ยวโทรรับสารภาพ ฆ่าหั่นศพจริง จนท.เปิดวงจรปิด พบรถต้องสงสัย พา ”เปรี้ยว- เอิร์น” หนีออกด่านท่าขี้เหล็ก
logo ข่าวอัพเดท

พี่สาว เผยเปรี้ยวโทรรับสารภาพ ฆ่าหั่นศพจริง จนท.เปิดวงจรปิด พบรถต้องสงสัย พา ”เปรี้ยว- เอิร์น” หนีออกด่านท่าขี้เหล็ก

22,158 ครั้ง
|
30 พ.ค. 2560

               พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผกก.สภ.เขาสวนกวาง ได้เชิญตัวนางสาคร ภาษี และนายอู้ด โนนวังชัย มารดา-บิดา และพี่สาว นางสาวประภาศิริ สมศรี ของนางสาวปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว ผู้ต้องหาฆาตกรรมฆ่าแยกร่าง แล้วนำยัดถังน้ำไปฝังดินในพื้นที่บ้านโนนสง่า อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น

               
                ด้านประภาศิริ สมศรี พี่สาวของเปรี้ยวเผยว่า ในช่วงดึกเมื่อวันที่ 29 พ.ค.60 เวลา เปรี้ยวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพย์กับเปรี้ยว โดยเปรี้ยวบอกว่าพลาดไปแล้วได้ลงมือฆ่าแอ๋ม กับพวกตนทั้งหมด 4 คนได้ทำการลวงออกมาจากร้าน หวังที่จะเอาตัวมาซ้อมให้หนำใจ เนื่องจากโดนแอ๋มหักหลังเกี่ยวกลับยาเสพติด จนทำให้สามีติดคุก จึงได้ลวงออกมา ทำการซ้อมจนสลบ แต่พอแอ๋มฟื้นขึ้นมาได้อาฆาตพวกตนว่าถ้าเขาไม่ตายพวกตนต้องตาย จึงได้ทำการบีบคอจนตาย น้องสาวยังบอกว่าจะเข้ามามอบตัว แต่ก็ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาพบตำรวจได้ คงต้องรอประสานมาอีกรอบหนึ่ง



                ทางด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ผกก.เขาสวนกวาง เผยว่า ได้มีการออกหมายจับเพียง 4 คน คือ นางสาวจิดารัตน์ พรมคุณ นางสาวปรียานุช โนนวังชัย(เปรี้ยว) นางสาวกวินตา ราชดา (เอิร์น) และนายวสิน นามพรหม โดยแนวทางการสืบสวนได้ทำการสืบจากกล้องวงจรปิด และเส้นทางของผู้ต้องสงสัย รถและพยานหลักฐานที่มีค่อนข้างเยอะ ซึ่งที่เขาสวนกวางเป็นเพียงจุดนำศพมาปิดบังซ่อนเร้น

                ทางด้านเจ้าหน้าที่ทหารคณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-เมียนมาร์ ระดับท้องถิ่น หรือ ทีบีซี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่สาย จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศุลกากรแม่สาย ทำการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลัง เมื่อวันที่25พฤษภาคม60 หลังจากต้องสงสัยว่าพบ รถยนต์กระบะ4ประตู สีขาว ได้นำบุคคลตามหมายจับ คือ น.ส.กวิตา ราชดา อายุ 25 ปี และ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย อายุ 24 ปี ที่ถูกหมายจับในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ หลังเกิดการฆ่าหั่นศพ น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม อายุ 22 ปี สาวร้านคาราโอเกะชื่อดังที่จ.ขอนแก่น และหลบหนีออกนอกประเทศไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ 

                ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า รถยนต์ต้องสัยคันดังกล่าว ได้เดินทางมาจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ เข้ามาในประเทศไทยในช่วงเช้าตรู่วันที่25พฤษภาคม60  ซึ่งพบรถยนต์คันดังกล่าวได้กลับออกประเทศไทยอีกครั้ง ในช่วงดึกของวันที่25พฤษภาคม60  โดยบุคคลที่ทำหน้าที่ขับรถยนต์สวมใส่เสื้อสีส้มทั้งเวลาเข้ามาในประเทศไทยและออกไปนอกประเทศ และหลังรถยนต์กระบะมีกระเป๋าเดินทางอยู่ท้าย แต่ไม่สามารถมองเห็นผู้โดยสารภายในรถยนต์ได้ เนื่องจากภาพมืดและติดฟิมดำ

                เบื้องต้นจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง2คน ได้เดินทางไปยังร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในฝั่ง จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ แต่จากการขยายผลไม่สามารถจับกุมได้เนื่องจากผู้ต้องหาไหวทันเลยทำการหลบหนีไม่กลับเข้าที่พัก และขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย และเมียนมาร์ ในการติดตามจับกุมตัว

                ทางด้าน พ.อ.กิดากร จันทรา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่3 กองกำลังผาเมือง ประธานทีบีซีฝ่ายไทย เปิดเผยว่าหลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบแหล่งที่พักของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแล้วได้มีการประสานขอให้มีการจับกุมแต่ปรากฎว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไม่ไปอยู่ในจุดที่สืบทราบดังกล่าวซึ่งไม่สามารถจับกุมได้ ทางทีบีซีฝ่ายไทยจึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝั่งประเทศเมียนมาร์ เพื่อทำการติดตามโดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง