แม่ร้องสื่อพ่อเฒ่าวัย 77 ดูภาพโป๊แล้วคึกฉุดลากลูกสาวพิการวัย 19 ข่มขืน ล่าสุดได้ประกันตัวพร้อมข่มขู่พยาน
logo ข่าวอัพเดท

แม่ร้องสื่อพ่อเฒ่าวัย 77 ดูภาพโป๊แล้วคึกฉุดลากลูกสาวพิการวัย 19 ข่มขืน ล่าสุดได้ประกันตัวพร้อมข่มขู่พยาน

145,725 ครั้ง
|
27 เม.ย. 2560
     นางนัชชาสิริ ( ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 43 ปี นำ น.ส. นุช (นามสมมุติ ) อายุ 19 ปี ลูกสาวซึ่งเป็นผู้พิการทางสมอง เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนว่า ลูกสาวถูกนายใหญ่ (นามสมมุติ ) อายุ 77 ปี บุกฉุดเข้าไปในห้องก่อนข่มขื่นกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ โดยเหตุเกิดที่บ้านยายของ น.ส.นุช ใน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา
 
     น.ส.นุช เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวรู้จักนายใหญ่เป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมาไปมาหาสู่กันที่บ้านเป็นประจำ และทราบว่านายใหญ่ชอบดูคลิปโป๊ ชอบอวดอ้างว่ามียาปลุกเซ็กซ์ และชอบสะสมคลิปโป๊ หนังสือโป๊ ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกลับจากใส่น้ำส้มที่ต้นยางพารา แล้วปั่นจักรยานไปบ้านยายที่อยู่ใกล้กัน ระหว่างทางพบว่านายใหญ่ นั่งดูหนังสือโป๊ แต่ตนไม่ได้สนใจ เมื่อไปถึงพบว่ายายไม่อยู่บ้าน ตนจึงเปิดประตูบ้าน ระหว่างนั้นพบว่านายใหญ่ได้ปั่นจักรยานตามหลังตนมา ตนจึงพยายามที่จะปิดประตูบ้านแต่ไม่ทัน นายใหญ่ได้ตรงเข้ามาโอบกอดตน แล้วฉุดกระชากตนเข้าไปในห้อง ใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืนกระทำชำเราตน ในขณะที่ตนพยายามจะขัดขืนและพยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือแต่สู้แรงไม่ได้ และถูกใช้ผ้าอุดปากจมูก ก่อนที่นายใหญ่จะลงมือข่มขืนตน 
 
     แต่ระหว่างที่นายใหญ่กำลังข่มขืนตน ได้มีหลานสาวอายุ 9 ปี เดินมาเรียกตนที่หน้าบ้าน ตนจึงส่งเสียงร้องและดิ้นรน หลานสาวจึงได้วิ่งไปตามน้าสาวของตนที่บ้านอยู่ไม่ห่างมากนักมาช่วย โดยพังประตูห้องเข้าไปและเห็นภาพนายใหญ่กำลังข่มขืนตน ก่อนที่นายใหญ่จะรีบลุกขึ้นนุ่งกางเกงเดินออกจากห้อง แล้วปั่นรถจักรยานสองล้อกลับบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 
 
     ด้านนางนัชชาศิริ แม่ของ น.ส.นุช กล่าวว่า ลูกสาวเป็นลูกที่เกิดจากสามีเก่าของตน และ น.ส.นุช ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการทางสมอง แต่ น.ส.นุช สามารถสื่อสารเข้าใจและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เป็นอย่างดี ตนส่งเสียบุตรสาวเรียนในโรงเรียนศึกษาพิเศษแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต จนจบ ม. 6 และมีความสามารถทางด้านการคิดเลขเร็วและด้านคอมพิวเตอร์ ตนจึงนำมาอาศัยอยู่กับย่าและอาที่ อ.ลานสกา ส่วนตนทำงานอยู่ที่ จ.ภูเก็ต และเดินทางไปมาระหว่างนครศรีธรรมราชกับภูเก็ต เป็นประจำ 
 
     จนเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ตนได้รับแจ้งจากญาติว่าลูกสาวถูกนายใหญ่ก่อเหตุปลุกปล้ำข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ หลังเกิดเรื่องตนรีบนำ น.ส.นุช ส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจหาร่องรอยข่มขืน และให้ยาฆ่าเชื่ออสุจิรับประทาน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ก่อนจะเดินทางไปที่บ้านนายใหญ่ แต่กลับถูกพูดจาข่มขู่ และปฏิเสธไม่รับผิดชอบใด ๆ พร้อมยังท้าทายให้ไปแจ้งความกับตำรวจ โดยบอกว่า “ไปเลยไปแจ้งความ ใครจะทำอะไรกูได้ ” 
 
     จนช่วงเช้าวันที่ 25 เม.ย ตนนำ น.ส.นุช เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ลานสกา และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายใหญ่มาสอบสวน โดยตนเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีพฤติกรรมคุกคาม ข่มขู่ประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ ทั้งเด็กอายุ 9 ขวบ และน้าสาวของ น.ส.นุช ที่พังประตูเข้าไปช่วย โดยนายใหญ่ตะคอกข่มขู่ว่าใครไปเป็นพยานในคดีนี้จะดักฟันปากให้ตาย จนถึงขณะนี้เด็ก 9 ขวบ และน้าสาวของ น.ส.นุช หวาดผวาไม่กล้าออกจากบ้าน และไม่กล้าไปให้การเป็นพยานที่ สภ.ลานสกา ส่วนลูกสาวตนได้นำตัวมาพักบ้านญาติที่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช 
 
     อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 เม.ย. ทราบว่าทางลูกของนายใหญ่ได้นำหลักทรัพย์มายื่นขอประกันตัว และพนักงานสอบสวนได้ให้ประกันตัว โดยตำรวจอ้างการประกันตัวเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา และคดีนี้ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเองยังไม่ได้มีการออกหมายจับจึงอนุญาตให้ประกันตัว ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับสมาคมสื่อมวลชน และจะเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ช่วยดูแลสภาพจิตใจของลูกสาว และหากยังเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจะร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมต่อไป คดีนี้หากจำเป็นที่จะต้องเดินทางเข้าร้องเรียนมูลนิธิปวีณา เพื่อเด็กและสตรี หรือคุณบุ๋ม ปนัดดา รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ตนก็จะต้องไปเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้จนถึงที่สุด